จะเล่าให้ฟังเลยว่าจุดเริ่มต้นมันมาจากไหน ตอนนั้นนั่งดูโฆษณาอังกฤษแบบเปย์คอร์สในเฟซบุ๊กทุกวัน เขาเอารูปอาจารย์ฝรั่งแววตาเป็นประกาย มาโพสต์ว่าสอบผ่าน 100% บลาๆ แชร์รีวิวลูกค้าเป็นกองสูง เจอแบบนี้หลายวันเข้าเริ่มรู้สึกว่าดีจริงสินะ เลยลองกดเข้าไปดูคอร์สภาษาอังกฤษของสถาบันดังๆ สักสองสามที่
สตาร์ทด้วยการเข้าเว็บเขาตอนตีหนึ่ง
นี่คือความพลาดแรกแล้วเพื่อน! เล่นฟอร์มสมัครให้กรอกชื่อนู้นนี่นั่นพร้อมเบอร์โทร พอส่งปุ๊บไม่ถึงห้านาที โทรศัพท์ดังลั่นเลย พนักงานขายเสียงหวานชวนคุยราวกับเราเป็นเพื่อนสนิท ที่แย่กว่านั้นคือเขายัดเยียดให้จองด่วนก่อนบอกว่าจะเต็มแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งเปิดคอร์ส! เลยทนไม่ไหวซักที บอกไปตรงๆว่า “ขอดูก่อนนะคะ ยังไม่อยากเปย์” ผลคือความหวานหวิวหายวับ เสียงบนโทรศัพท์มันเย็นชาขึ้นทันทีแบบเห็นได้ชัด โอ้โห…เปลี่ยนหน้าเร็วกว่าพลิกหน้ามือ
ตัดสินใจควักกระเป๋าเรียนรอบแรก
คิดไปคิดมาไม่ไหว สักทีน่าจะลองของจริงดูบ้าง เลือกคอร์สสั้นๆแค่ 3 สัปดาห์ ราคา 35,000 บาท! (เหยดเหยด…) จ่ายไปเสร็จปรากฏว่า :
- คลาสสดมันกลายเป็นคลาสอัดวีดีโอ พอดูย้อนหลังได้เนี่ยแหละ แต่มีแค่ 5 คลาสเองนะ!
- อาจารย์ที่โฆษณาว่าเจ้าของภาษาแท้ๆ พอนัดคิวคุยปรากฏว่าพูดอังกฤษสำเนียงไทยควบกล้ำ
- แอปเรียนที่บอกว่ามันไฮเทค เปิดเทอมแรกเข้าไม่ติดซะงั้น บอกเซิฟเวอร์ล่ม
โดนของจริงจนรู้เลยว่าไม่คุ้ม
แค่เรียนไปได้อาทิตย์เดียวรู้สึกผิดมาก เนื้อหามันปนเปกันไปหมด ไวยากรณ์ปนบทสนทนาสลับกับเดทมี่ติวเตอร์แบบงงเป็นไก่ตาแตก งานบ้านที่ให้มาทำวันละชุดมันเอาคำศัพท์ระดับเทพมาให้ท่องทั้งๆที่พึ่งเริ่มเรียน แถมพี่ติวเตอร์ที่เราจ่ายตังค์เพิ่มให้เพื่อนัดคุยส่วนตัว ไลน์ตอบกลับช้ามาก บางที 3 ทุ่มกว่าถึงได้ยินเสียง รำคาญสุดๆไปเลย
ขอลาออกก่อนจบคอร์สยังโดนรีด
บอกเขาไปตรงๆว่าอยากยกเลิก พนักงานต้อนรับหน้าเดิมที่เคยยิ้มหวานกลับทำหน้างงๆ ยื่นกระดาษยาวเป็นเมตรให้เซ็นยินยอมว่าเราหมดสิทธิ์รับคืนเงิน อะไรนะ! ทั้งที่ยังเรียนไม่ถึงครึ่งซะหน่อย เถียงกันจนหน้าแดง สุดท้ายเจ้านายออกมาขู่จะเรียกทนายเรียกค่าเสียหายเพราะเราเซ็นสัญญาแล้ว เห้ออ… เลยตกลงกันด้วยการได้เงินคืนแค่ 3,500 บาท เอง จากที่จ่ายไป 35,000 เรียกได้ว่าเจ๊งสนิท!
สรุปปิดท้ายให้ชัดเลยละกัน เรียนภาษาอังกฤษแพงๆแบบนี้มันสิ้นเปลืองเกินเหตุ อย่าไปหลงรีวิวตบหน้าอย่างเดียว ฟรีในยูทูปมีเยอะแยะ แอพดีๆก็มีให้เลือก บางที่มีเทสก่อนเรียนฟรีด้วยซ้ำ ถ้าจะเสียเงินจริงๆ ขอแค่ 2,000 – 5,000 น่าจะพอแล้ว นี่คือบทเรียนเงินล้านที่ต้องแลกมาด้วยการโดนกดดันเกือบเป็นโรคกระเพาะ พูดเลยว่าความรู้สึกนี้ไม่น่าพูดถึงจริงๆ!