เรียน palfish (ให้เก่ง ฝึกเองได้)

0
8

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับการลองเป็นครูสอนภาษาอังกฤษออนไลน์กับแอปที่ชื่อว่า Palfish ครับ เผื่อใครกำลังสนใจอยู่ จะได้เห็นภาพว่ามันเป็นยังไงบ้าง

จุดเริ่มต้นและความคิดที่จะลอง

คือเรื่องมันเริ่มมาจากช่วงนั้นผมนั่งไถๆ ดูนู่นนี่ในเน็ต แล้วก็ไปเจอคนพูดถึง Palfish ว่าเป็นแอปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ชาวจีน ทำงานจากที่บ้านได้ ดูน่าสนใจดีนะ ตอนนั้นก็คิดว่าเออ…ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหาย เผื่อเป็นช่องทางหารายได้เสริมอีกทาง

ขั้นตอนการสมัครและการเตรียมตัว

พอตัดสินใจแล้ว ผมก็เริ่มจากการดาวน์โหลดแอปมาก่อนเลยครับ หน้าตามันก็ดูใช้งานง่ายนะ จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการสมัคร โอ้โห ตอนสมัครนี่สิครับ ขั้นตอนเยอะอยู่เด้อ ต้องเตรียมเอกสารนู่นนี่นั่น มีถ่ายวิดีโอแนะนำตัวเองด้วยนะ แล้วก็ต้องรอเค้าอนุมัติอีกพักใหญ่ ตอนนั้นก็ลุ้นๆ อยู่ว่าจะผ่านไหม

ระหว่างรออนุมัติ ผมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ นะครับ ก็เข้าไปดูพวกครูคนอื่นๆ เค้าสอนกันยังไง เตรียมฉากหลังยังไงบ้าง ผมก็เริ่มหาซื้อพวกตุ๊กตาน่ารักๆ สีสันสดใสมาเตรียมไว้ เพราะส่วนใหญ่ผู้เรียนเป็นเด็กเล็กๆ ไงครับ แล้วก็ฝึกพูด ฝึกออกเสียงให้ชัดเจน สำคัญเลยคือต้องมีพลังงานเยอะๆ เพราะสอนเด็กนี่ต้องกระตุ้นเค้าตลอดเวลา

  • โหลดแอป Palfish Teacher
  • กรอกข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประสบการณ์
  • อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตน ใบรับรองต่างๆ (ถ้ามี)
  • ถ่ายวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ โชว์สกิลการพูดภาษาอังกฤษ
  • อัดเสียงตัวอย่างการอ่าน
  • รอการตรวจสอบและอนุมัติ (ของผมนี่รอประมาณอาทิตย์นึงได้)

เริ่มสอนจริงครั้งแรก และความท้าทาย

พอได้รับการอนุมัติปุ๊บ! ดีใจมากครับ รีบเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ตัวเอง เปิดตารางสอนเลย ตอนแรกๆ ก็ยังไม่มีใครจองเข้ามาหรอกครับ ก็แอบใจแป้วนิดนึง แต่ก็พยายามเข้าไปดูในกลุ่มครู Palfish เค้าก็บอกว่าแรกๆ ก็แบบนี้แหละ ต้องอดทน

แล้ววันนึงก็มีนักเรียนคนแรกจองเข้ามา! ตื่นเต้นมากครับ คืนนั้นแทบไม่ได้นอนเลย เตรียมตัวแล้วเตรียมตัวอีก พอถึงเวลาสอนจริง ก็มีติดขัดบ้างเล็กน้อยตามประสาครั้งแรก เด็กบางคนก็งอแงบ้าง ไม่ยอมพูดบ้าง เราก็ต้องหาวิธีหลอกล่อ ชวนคุย ชวนเล่นเกมไปเรื่อย

ความท้าทายที่เจอหลักๆ ก็คือ:

  • การบริหารจัดการเวลา: ต้องเป๊ะมาก เพราะคลาสส่วนใหญ่จะสั้นๆ 25 นาที
  • อินเทอร์เน็ต: อันนี้สำคัญสุดๆ ถ้าเน็ตกากคือจบเลยครับ เคยเจอเน็ตหลุดกลางคลาส ดีที่กลับมาได้ทัน
  • เด็กหลากหลายสไตล์: บางคนพูดเก่งมาก บางคนเงียบกริบ บางคนก็ร้องไห้ ต้องปรับตัวตามสถานการณ์เฉพาะหน้า
  • การเตรียมสื่อการสอน: ถึงแม้แอปจะมีบทเรียนให้ แต่เราก็ต้องเตรียมอุปกรณ์เสริมของเราเองเพื่อให้คลาสน่าสนใจ

สิ่งที่ได้เรียนรู้และข้อคิด

หลังจากสอนมาได้สักพักใหญ่ๆ ผมว่า Palfish ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีนะ มันทำให้ผมได้ฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองไปด้วย ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ จากการคุยกับเด็กๆ และผู้ปกครองชาวจีน ถึงแม้บางทีจะเหนื่อยมากๆ เพราะต้องใช้พลังงานสูง แต่พอเห็นเด็กๆ ยิ้ม หัวเราะ หรือเริ่มพูดตามเราได้ มันก็รู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจครับ

สำหรับใครที่คิดจะลอง ผมว่าก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยนะ โดยเฉพาะถ้าคุณชอบเด็กๆ และมีใจรักในการสอน แต่ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจกับความท้าทายต่างๆ ที่บอกไปข้างบนด้วยครับ มันไม่ได้ง่ายเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าตั้งใจจริงก็ทำได้แน่นอนครับ สู้ๆ!

เอาจริงๆ นะ ตอนแรกที่ผมตัดสินใจมาทำ Palfish เนี่ย ส่วนหนึ่งก็เพราะช่วงนั้นผมกำลังมองหางานอะไรก็ได้ที่มันยืดหยุ่น ทำจากบ้านได้ เพราะมีภาระบางอย่างที่ต้องดูแลคนที่บ้าน ทำให้เดินทางไปทำงานประจำลำบาก ก็เลยต้องดิ้นรนหาทางเอาครับ ลองผิดลองถูกไปเรื่อย จนมาลงตัวที่ Palfish นี่แหละครับ มันก็ตอบโจทย์ชีวิตผมในช่วงนั้นได้ดีเลยทีเดียว