การสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวทำอย่างไรให้ดีที่สุด?(5วิธีง่ายๆที่ได้ผลเร็ว!)

0
4

พอดีเจอกระแสเพื่อนๆ ถามมาเยอะว่าสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวยังไงให้เวิร์ก เลยเอาวิธีที่ลองเองมาแชร์ดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้เราสอนตามทฤษฎีเป๊ะๆ ผลคือลูกค้าเบื่อ หาว่าอัดข้อมูลแห้งๆ

เริ่มต้นจากเจอปัญหาก่อนเลย

เมื่อกี้ยังจุกเลย พอเปิดคลาสใหม่เจอเด็กม.4 คนนึง นั่งหลับตาแป๊บ! ทั้งที่เราจัดเต็มไวยากรณ์ครบ ปรากฏว่าแม่เด็กบอกมาเฉยๆ ว่า “ครูคะ…ลูกบอกว่าเหมือนท่องตำรา” ตรงนี้แหละที่รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนด่วน

เลยเริ่มปรับแบบลองผิดลองถูก

แรกสุดมานั่งจิบกาแฟกะสมุดนั่นแหละ เขียนลิสต์ว่าทำไมสอนเท่าไหร่ก็ไม่คืบ:

  • เน้นแต่แกรมม่า ไม่พาลูกค้าพูดจริง
  • บทเรียนเดิมเป๊ะทุกคนไม่สนุก
  • ไม่ยอมรับว่าทำผิดตรงไหนตอนสอน

เริ่มต้นปรับตอนสอนนักเรียนวัยทำงานคนแรก หยุดแบบแผนเดิมซะ! แทนที่จะเริ่มด้วย Present Simple เหมือนทุกครั้ง ก็เปิดด้วยคำถามแกมบ่นของเค้าว่า “อีเมล์ฝรั่งอ่านไม่ออก” เลยจัดสถานการณ์จดหมายลูกค้าให้แกะตอนเรียน เล่นเอาครึ่งชั่วโมงแรกกวาดแป้นคีย์บอร์ดกันใหญ่

5 วิธีที่แกะจากประสบการณ์จริง

หลังจากตกม้าตายหลายรอบ ลองมาหมดทั้งเปลี่ยนบทเรียน ลงทุนซื้อเกมสนทนามาเพิ่ม ตอนนี้เก็บเคล็ดลับมาได้ 5 ข้อแบบใช้ได้จริง:

  • เตรียมตัวก่อนสอน – อย่างวันนี้จะสอนน้องแพทย์ ก็ไปหาคำศัพท์โรคท้องเสียมาให้ล่วงหน้า แถมเล่นเป็นคนไข้จำลองให้เค้าตอบด้วย
  • ปรับการสอนตามลูกค้า – นักบินไม่ต้องรู้ Shakespeare เน้นศัพท์ในค็อกพิตจริงๆ ดีกว่า
  • ตอบกลับทันที – พอเด็กพูดว่า “I goes…” จะนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องแก้ตรงนั้นเลยโดยไม่ดุ
  • สอนจากสถานการณ์จริง – ให้ลูกค้าออเดอร์กาแฟเป็นภาษาอังกฤษกับบาริสต้าจริง แม่งเครียดแต่ได้ผลชงัด!
  • ทบทวนหลังเรียน – วิธีโหดสุดคือให้เด็กอัดเสียงตัวเองพูดโทรศัพท์คืนท้ายคาบ

ผลลัพธ์หลังจากปรับ

ตอนแรกแอบหวั่นนะเพราะเพิ่มงานตัวเองอีกตั้งเยอะ ต้องแต่งสถานการณ์แต่ละคนเองทั้งหมด แต่ปรากฏว่าสองเดือนหลังลุงวัย 50 ที่เรียนเป็ดอังกฤษ 40 ปี ตอนนี้เปิดวิดีโอคอลลั่นเพลงสตริงฝรั่งให้ฟัง! ส่วนนักเรียนที่เคยหลับตาตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นคนถามบทเรียนล่วงหน้าแล้วว่ารอบหน้ามีกิจกรรมอะไรให้เล่นอีก

ท้ายสุดเลยอยากบอกว่า ไม่มีวิธีเทพอะไร แค่ฟังความต้องการลูกค้าให้มากกว่าอัดบทเรียนสำเร็จรูป ถ้ายังนึกไม่ออกว่าเริ่มยังไง ขอแค่ถามลูกค้าว่า “อยากใช้ภาษาอังกฤษทำอะไรที่สุด?” คำตอบนั่นแหละคือบทเรียนที่ดีที่สุดแล้ว