พอดีเจอกระแสเพื่อนๆ ถามมาเยอะว่าสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวยังไงให้เวิร์ก เลยเอาวิธีที่ลองเองมาแชร์ดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้เราสอนตามทฤษฎีเป๊ะๆ ผลคือลูกค้าเบื่อ หาว่าอัดข้อมูลแห้งๆ
เริ่มต้นจากเจอปัญหาก่อนเลย
เมื่อกี้ยังจุกเลย พอเปิดคลาสใหม่เจอเด็กม.4 คนนึง นั่งหลับตาแป๊บ! ทั้งที่เราจัดเต็มไวยากรณ์ครบ ปรากฏว่าแม่เด็กบอกมาเฉยๆ ว่า “ครูคะ…ลูกบอกว่าเหมือนท่องตำรา” ตรงนี้แหละที่รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนด่วน
เลยเริ่มปรับแบบลองผิดลองถูก
แรกสุดมานั่งจิบกาแฟกะสมุดนั่นแหละ เขียนลิสต์ว่าทำไมสอนเท่าไหร่ก็ไม่คืบ:
- เน้นแต่แกรมม่า ไม่พาลูกค้าพูดจริง
- บทเรียนเดิมเป๊ะทุกคนไม่สนุก
- ไม่ยอมรับว่าทำผิดตรงไหนตอนสอน
เริ่มต้นปรับตอนสอนนักเรียนวัยทำงานคนแรก หยุดแบบแผนเดิมซะ! แทนที่จะเริ่มด้วย Present Simple เหมือนทุกครั้ง ก็เปิดด้วยคำถามแกมบ่นของเค้าว่า “อีเมล์ฝรั่งอ่านไม่ออก” เลยจัดสถานการณ์จดหมายลูกค้าให้แกะตอนเรียน เล่นเอาครึ่งชั่วโมงแรกกวาดแป้นคีย์บอร์ดกันใหญ่
5 วิธีที่แกะจากประสบการณ์จริง
หลังจากตกม้าตายหลายรอบ ลองมาหมดทั้งเปลี่ยนบทเรียน ลงทุนซื้อเกมสนทนามาเพิ่ม ตอนนี้เก็บเคล็ดลับมาได้ 5 ข้อแบบใช้ได้จริง:
- เตรียมตัวก่อนสอน – อย่างวันนี้จะสอนน้องแพทย์ ก็ไปหาคำศัพท์โรคท้องเสียมาให้ล่วงหน้า แถมเล่นเป็นคนไข้จำลองให้เค้าตอบด้วย
- ปรับการสอนตามลูกค้า – นักบินไม่ต้องรู้ Shakespeare เน้นศัพท์ในค็อกพิตจริงๆ ดีกว่า
- ตอบกลับทันที – พอเด็กพูดว่า “I goes…” จะนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องแก้ตรงนั้นเลยโดยไม่ดุ
- สอนจากสถานการณ์จริง – ให้ลูกค้าออเดอร์กาแฟเป็นภาษาอังกฤษกับบาริสต้าจริง แม่งเครียดแต่ได้ผลชงัด!
- ทบทวนหลังเรียน – วิธีโหดสุดคือให้เด็กอัดเสียงตัวเองพูดโทรศัพท์คืนท้ายคาบ
ผลลัพธ์หลังจากปรับ
ตอนแรกแอบหวั่นนะเพราะเพิ่มงานตัวเองอีกตั้งเยอะ ต้องแต่งสถานการณ์แต่ละคนเองทั้งหมด แต่ปรากฏว่าสองเดือนหลังลุงวัย 50 ที่เรียนเป็ดอังกฤษ 40 ปี ตอนนี้เปิดวิดีโอคอลลั่นเพลงสตริงฝรั่งให้ฟัง! ส่วนนักเรียนที่เคยหลับตาตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นคนถามบทเรียนล่วงหน้าแล้วว่ารอบหน้ามีกิจกรรมอะไรให้เล่นอีก
ท้ายสุดเลยอยากบอกว่า ไม่มีวิธีเทพอะไร แค่ฟังความต้องการลูกค้าให้มากกว่าอัดบทเรียนสำเร็จรูป ถ้ายังนึกไม่ออกว่าเริ่มยังไง ขอแค่ถามลูกค้าว่า “อยากใช้ภาษาอังกฤษทำอะไรที่สุด?” คำตอบนั่นแหละคือบทเรียนที่ดีที่สุดแล้ว