สุดท้ายแล้วก็ต้องลุยเองค่ะ หาเปรียบเทียบค่าเรียนที่คุ้มสุด ช่วงนี้อยากอัพสกิลภาษาอังกฤษ แต่ติดว่าต้องเลือกที่เรียนยังไงให้ไม่โดนปอกลอก อันดับแรกกูเลยจัดเต็มเข้าเว็บรีวิวสถาบันภาษาในกรุงเทพให้หมด อ่านคอมเมนท์คนที่เคยเรียนมา นั่งแกะราคาเปรียบเทียบสามที่ด้วยกัน
เริ่มต้นเก็บข้อมูล
- เปิดกูเกิลมั่วๆ พิมพ์หาสถาบันดังๆ ใกล้ BTS ในใจคิดไว้เลยว่าต้องเดินทางสะดวก
- นั่งกดไล่เว็บแต่ละที่ เหมือนเล่นเกมหาไข่อีสเตอร์ บางที่ซ่อนตารางราคาไว้อยู่นาน กว่าจะเจอแทบหัวระเบิด
- โทรจุ้นจ้านถามโปรโมชั่น ได้ยินสายแห้งๆ น้ำเสียงเซลล์ระดับมืออาชีพบอกส่วนลด “เฉพาะเดือนนี้” ทั้งที่รู้เลยว่าโปรนี้มีตลอด
ระหว่างเปรียบเทียบก็เอากระดาษมาขีดเส้นตารางง่ายๆ แบ่งคอร์สเป็นสี่ประเภทหลักๆ คอร์สพูดเร่งด่วน คอร์สแกรมม่าสำหรับทำงาน คอร์สเตรียมสอบ IELTS อะไรประมาณนี้ ปรากฎว่าเจอความจริงช็อคสองสามจุด อย่างที่แรกโฆษณาเรียนฟรี 1 สัปดาห์ แอบมีเงื่อนไขยิบย่อยว่าให้ทดลองเรียนแค่วันเดียว เวลาแค่ 45 นาทีเอง!
แฉราคาแบบเน้นๆ
- ที่เรียนชือดังกลางกรุง คอร์ส 20 ชม. เริ่มหมื่นสาม แพงโคตรแต่ห้องเรียนกว้าง นึกในใจว่าค่าเช่าตึกต้องแรง
- สถาบันห้างชั้นนำ จิ้มคีย์บอร์ดอยู่ 60 ชม. โหลดแอพเรียนเสริมฟรีด้วย ราคาสองหมื่นกว่าแต่เรียนสดน้อยนิด
- ศูนย์เล็กย่านเอกมัย ค่าเรียน 12 ชม. เพียงแปดพัน แต่ปรากฎว่าครูฝรั่งมาไม่ครบคอร์ส เจอครูไทยแทนสองในสามครั้ง
ตอนนัดทดลองเรียนกูทำตัวเป็นเด็กแนว ไม่ยอมบอกว่ากำลังเก็บข้อมูล กดดันอาจารย์ฝรั่งให้แชร์ประสบการณ์การสอน นี่แหละได้ข้อมูลเพียบเลยว่าอันไหนเขาปล่อยครูมือใหม่มาหมก อันไหนอาจารย์ลาออกบ่อยเพราะค่าแรงต่ำ
สรุปปังแบบเบ็ดเสร็จ
ท้ายสุดเลยตัดสินใจเลือกที่เรียนแบบ แบ่งจ่ายเป็นรายชั่วโมง เพราะไปตาสว่างแล้วว่าคอร์สแพ็คเกจราคาเหมาไว้นั้น เจออาจารย์เปลี่ยนบ่อยหรือเนื้อหาไม่ตรงเป้าจะบินไม่กลับ เริ่มจากชั่วโมงทดลองฟรี 1 ชม. ก่อนค่อยทยอยซื้อครั้งละ 10 ชม. พอครูสอนดีค่อยลงยาว จุดได้เปรียบคือย้ายคอร์สได้ตามสกิลที่ต้องการพัฒนาพอดี
เคล็ดลับเด็ดคือตอนนี้รู้เลยว่า ห้ามมองแค่ราคาโปรโมชั่นโดนๆ อย่าเพิ่งว้าวกับค่าเรียนถูกปรี้ดจนลืมตรวจสอบสิ่งเหล่านี้: จำนวนชม.เรียนจริง จำนวนนักเรียนต่อห้อง สัดส่วนการเรียนกับครูเจ้าของภาษา และที่สำคัญสุดคือเงื่อนไขคืนเงินถ้าเรียนแล้วไม่เวิร์ค ถ้าเจอที่ไหนเงื่อนไขคลุมเครืออ้อมไปอ้อมมา…รันเลย!