ก็เริ่มจากที่ตัวเองเคยท้อเลยนะ ตอนเปิดหนังสือแกรมม่ามีตั้งเป็นร้อยหัวข้อ อ่านไปสองหน้าปวดหัวเลยยอมแพ้ เลยคิดว่าต้องหาวิธีใหม่ที่ไม่กดดันเกินไป
ขั้นแรกเลย แบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ
หยิบสมุดมาแบ่งหน้ากระดาษเป็นสี่ช่องใหญ่ๆ ตั้งกฎว่า “วันนี้จะจบแค่สี่เรื่อง” โดยเลือกเฉพาะที่เจอบ่อยสุดในชีวิตประจำวัน:
- Present Simple : ใช้เวลาเล่าเรื่องทั่วไป
- Past Simple : ใช้เล่าเหตุการณ์จบแล้ว
- Future Simple : ใช้บอกว่าจะทำอะไร
- Present Continuous : ใช้บรรสิ่งที่กำลังทำอยู่
ใช้สีช่วยสมอง
ลองเอาปากกาสีมาจัดกลุ่มกฎการใช้:
แดง = ประธานเอกพจน์ น้ำเงิน = ประธานพหูพจน์ อันนี้เวิร์กมาก! เวลานึกถึง verb to be จะเห็นสีในหัวเลยว่าต้องใช้ is/am/are ตัวไหน
ยกตัวอย่างเด็ดตัวจริง
ไม่อ่านประโยคในหนังสือแล้ว! เปลี่ยนมาเขียนตัวอย่างจากชีวิตตัวเอง เช่น:
- “My cat sleeps on my keyboard every damn time I work!” (Present Simple)
- “I ordered spicy noodles yesterday but got stomachache” (Past Simple)
ทิ้งดิ่งไปใช้งานจริง
พอสรุปสี่หัวข้อเสร็จ ไม่รอช้า! เปิดแอปแชทหาเพื่อนต่างชาติ:
- ตั้งเป้าแชทให้ได้วันละห้าประโยค
- แอบเปิดโน้ตสรุปไว้ข้างๆ (ไม่อาย!)
- ถ้าพลาดก็จดไว้ท้ายสมุดว่า “เมื่อกี้ควรใช้ Past Simple ไม่ใช่ Present“
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป… ความเปลี่ยนแปลงคือ สมุดหน้าแรกที่เคยมีแค่สี่หัวข้อ ตอนนี้มีลูกดอกเพิ่มอีกสามหน้า แบบไม่รู้ตัว เพราะพอใช้จริงเจอสถานการณ์ใหม่ก็กลับมาเพิ่มสรุปต่อได้เอง รู้สึกเหมือนสมองมีลิ้นชักเก็บแกรมม่าเป็นก้อนๆ แทนที่จะเป็นผงกระจาย!