วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวว่าทำไมเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษฟรีไปเลย เผื่อใครกำลังมองหาทางเลือกอยู่
จุดเริ่มต้นง่ายมาก
เมื่อเดือนก่อนนั่งดูบิลค่าเรียนพิเศษลูก พังมาที่ค่าเรียนคอร์สติวอังกฤษตัวเอง เดือนนึงเกือบสามพัน แพงกว่าค่านมลูกอีกนะนั่น แกะใบเสร็จทีไรมือสั่นทุกที
ลองของฟรีดูสิ
วันรุ่งขึ้นลบแอปเรียนภาษา Premium ทิ้งหมด ตั้งใจจะใช้ของฟรีล้วนๆ เริ่มจาก:
- เปิด YouTube หาคลิปครูฝรั่งสอนพื้นฐานฟรี เจอเยอะจนล้นสมอง
- โหลดแอปดิกฯ ฟรีตัวเก่าเก็บในโทรศัพท์ หน้าตาห่วยแต่ใช้ได้
- ขอหนังสือ Basic Grammar เก่าจากห้องสมุดชุมชน
เจอปัญหาจุกจิก
อาทิตย์แรกนี่ทรมานชัดๆ หาบทเรียนไม่เป็นระบบ ต้องกระโดดไปมาหลายแพลตฟอร์ม บางวันเรียนจากยูทูว บางวันเปิดแอป บางวันก็แยกระเบียบหนังสือไม่ถูก พอตกเย็นเริ่มท้อ:
- นั่งจดศัพท์เฉยๆ ไม่รู้ว่าใช้ยังไง
- ฟังคลิปตัวอย่างงงเป็นไก่ตาแตก
- แบบฝึกหัดในหนังสือมีเฉลยแต่ไม่มีคำอธิบาย
ปรับสูตรเองแบบมั่วๆ
ตัดสินใจไม่เอาวิชาการเข้าแล้ว เปลี่ยนมา:
- เปิด Spotify ฟังพอดแคสต์ฝรั่งตลอดวัน ฟังไม่รู้เรื่องก็ฟังไปก่อน
- ดูการ์ตูน Netflix ปิดซับไทย เปิดซับอังกฤษแทน
- วันไหนขี้เกียจแทบไม่เปิดหนังสือ หยิบแต่โทรศัพท์ท่องศัพท์ในแอปฟรี
ผลลัพธ์ที่ไม่ได้คาดคิด
ผ่านไปเดือนครึ่ง เริ่มแว๊บเข้าใจคำในเพลงฝรั่ง บางทีฟังข่าวสั้นๆ รู้เรื่องเป็นประโยค แล้วแบบฝึกหัดแกรมม่าที่เคยงง ตอนนี้ทำถูกเฉลยแบบอารมณ์ดี ส่วนเรื่องค่าเทอม…เดือนนี้เหลือเงินเก็บเพิ่มอีกสามพันแน่นอน
สรุปให้ชัดๆ เลย
สามเหตุผลที่ต้องเรียนฟรีสักครั้ง:
- เสียตังค์แพงไม่ใช่คำตอบ: เอาเงินไปจ่ายค่านมลูก/ค่ากินดีกว่า
- ทดลองล้มเหลวได้โดยไม่เจ็บตัว: ลองสิบวิธีก็เปลี่ยนได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องคอร์สหมดอายุ
- รู้ตัวเองก่อนว่าควรเรียนแบบไหน: เรียนฟรีไปเดือนนึงจะรู้เลยว่าแบบเรียน/แบบฟัง/แบบพูด แบบไหนที่เหมาะกับเรา
ตอนนี้ชีวิตติดนาฬิกาปลุกฟังพอดแคสต์ตอนตีห้า แวะเวียนไปห้องสมุดอาทิตย์ละสองครั้ง เสียเงินศูนย์บาทแต่สมองได้พัฒนาจริง แค่ลองเริ่มดูสิ