ทำไมเรียนอ่านภาษาอังกฤษถึงยาก วิธีเอาชนะด้วยตัวคุณเองง่ายๆ

0
4

ทำไมฉันถึงคิดว่าเรียนภาษาอังกฤษแบบเก่ามันตลก

จำได้ว่าเมื่อก่อนนั่งท่องตำราอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ครูเอากระดาษโจทย์มาให้เต็มมือ อ่านเรื่อง “John Goes to the Bank” นี่มันโลกยุคไหนเนี่ย?

มือสั่นตอนเจอของจริง: จริงจังนะ ตอนซื้อของที่เซเว่นต้องถามเค้าเครื่องปรุงน้ำปลา พอจะพูดทีไรสมองกลายเป็นผงไปหมด นึกศัพท์ไม่ออก “fish sauce” มันติดอยู่ที่ลิ้นแต่ดันพูดเป็น “water fish” ออกมา ดิฉันยืนอึ้งไปสามวิ คนขายยิ้มแบบงงๆ แล้วยื่นนมเปรี้ยวมาให้แทน!

เริ่มทิ้งตำราแล้วเอาของจริงมาเล่น

วันรุ่งขึ้นฉันวางตำราไว้บนชั้นสูงสุด แล้วเปิดโทรศัพท์หา ของใช้จริงในเน็ต:

  • จิ้มเข้า Twitter ดูนักท่องเที่ยวเมาท์มอยเรื่องโรงแรมบางกอก
  • เปิด TikTok คลิปฝรั่งสอนสั่งส้มตำแบบไม่ให้แม่ค้างง
  • แอบอ่านคอมเมนต์ใต้เพลงยอดนิยมใน Spotify ว่าฝรั่งด่าอะไรกันบ้าง

เจอศัพท์แสลงแปลกๆ เต็มไปหมด “pad kaprao” เค้าสะกดว่า “holy basil stir-fry” มันช่างต่างลิบลับ!

ของเล่นใหม่คือไฟน์าพันธ์ในมือถือ

พอเห็นคำไหนแปลกตาฉันไม่ปล่อยผ่าน:

  1. กดค้างที่คำศัพท์ในทวีต -> เลือก “Look Up”
  2. เห็นคำแปลโผล่มาแบบไม่มีพิธีรีตอง
  3. แตะไอคอนดาวน์โหลดเก็บไว้เป็นของส่วนตัว

ลองทำแบบนี้ทุกวันตอนนั่งรอรถเมล์ 30 วันผ่านไป สมุดในโทรศัพท์มันกลายเป็นลิสต์คำสแตนบาย มีทั้งคำว่า “sticky rice” (ข้าวเหนียว) ไปจนถึง “tuk-tuk scam” (โดนรถตุ๊กตุ๊กหลอก)!

เปิดเกมล่าสมบัติในร้านสะดวกซื้อ

อาทิตย์ที่แล้วฉันกล้าท้าทายตัวเองแล้วค่ะ:

  • เดินเข้าร้านสะดวกซื้ออย่างมั่นใจ
  • หยิบเฮลตี้บ็อกซ์มา 1 กล่อง
  • จ้องฉลากที่เขียนว่า “No Preservatives Added”

ตอนแรกสมองตีความว่า “ห้ามใส่ของถนอมอาหาร” เกือบจะวางกล่องลงแล้ว…แต่พอแอบเปิดเน็ตดึงเฉลย! ความหมายจริงๆ คือ “ไม่มีสารกันบูด” ฉันยิ้มกว้างแล้วเดินไปจ่ายเงินแบบภูมิใจสุดๆ

สรุปแล้วเคล็ดลับมีแค่นี้เอง: โยนตำราออกจากชีวิต เอาสิ่งที่เจอใน LINE/ร้านข้าว/ป้ายรถเมล์มาตีสนิท ทุกอย่างที่ขวางหน้าคือเกมส์ฝึกภาษา พอทำบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย ภาษาอังกฤษมันก็เกาะติดมาเองแบบไม่รู้ตัวแหละ