ที่ เรียน ภาษา อังกฤษ เรียนออนไลน์ได้ไหม (เว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่แนะนำ)

0
4

วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์หาที่เรียนออนไลน์ให้ตัวเองหน่อย เรื่องมันเริ่มจากตอนที่เจ้านายบอกว่าให้ฝึกภาษาอังกฤษด่วนเพราะบริษัทเริ่มมีคู่ค้าต่างชาติเพิ่มแล้วไงล่ะ แต่มันติดปัญหาตรงที่ตัวเองนอกจากเกาเหลาไม่ได้แล้ว เวลาก็ไม่มีจะไปนั่งเรียนที่สถาบันแพงๆ ทุกคนรู้ใช่ไหมล่ะว่าถ้าไปเรียนที่สถาบัน ต้องโดนรถติด นั่งเรียนเป็นชั่วโมงๆ แถมบางทีครูสอนยังน่าเบื่ออีก เงินก็หมดหลายบาทแหนะ

ก็เลยเริ่มค้นหาทางออก วิธีแรกที่คิดได้คือเปิดกูเกิลแล้วพิมพ์ไปว่า “เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์” เลยเจอเว็บเพียบ มองตาลายไปหมด ไม่รู้จะเลือกยังไงดี เลยต้องตั้งหลักแล้วกำหนดเงื่อนไขของตัวเองก่อน:

  • ต้องเรียนผ่านเว็บไซต์ได้เลย ไม่ต้องโหลดแอพ (เพราะมือถือน้องหักหน้าจอแตกอยู่)
  • มีให้ทดลองเรียนฟรีก่อนตัดสินใจ
  • เน้นการพูดและฟังได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องแกรมมาร์แบบโบราณ
  • ราคาต้องไม่บินไปถึงดวงจันทร์

จากนั้นก็เริ่มทดลองแบบตัวเป็นๆ ลองนั่งลงคอร์สทดลองฟรีของหลายเว็บไซต์ ไม่ใช่แค่คลิกดูเฉยๆ แต่ลงเวลาไปจริงๆ คือนั่งจ้องหน้าจอ ฟังครูสอน ทำแบบฝึกหัด ให้เหมือนเป็นนักเรียนสุดขยัน

  • เว็บแรก: สอนเร็วไปนิด เหมือนเร่งรีบ เนื้อหากระโดดไปมา พอถึงพาร์ทที่ให้พูดกับระบบ AI คือมันฟังเราพูดแล้วก็เฉลยเลยว่าผิดถูก แต่พอน้องพูดกลับมาเร็วมาก แถมสำเนียงฟังยาก เรียนจบคือมึน!
  • เว็บสอง: ดีตรงออกแบบมาสวย อินเตอร์มาก แต่เรียนไปสักพักก็เจอว่า…มันต้องจ่ายเพิ่มตลอดทางอะ เช่นอยากเรียนบทสนทนาในร้านอาหารนี่ ไม่ได้มาด้วยต้องซื้อโค้ชแยก คือราคาต่อรองไม่คุ้มค่าเลย
  • เว็บสาม: นี่แหละที่ปัง! ลองเรียนฟรี 5 บทแรก อ้าว… เข้าใจง่ายมาก ครูสอนชัดๆ ทีละขั้น บอกเป็นภาษาง่ายๆ ไม่ต้องตีลังกาตาม เริ่มตั้งแต่พื้นฐานจริงๆ แม้กระทั่งการทักทายง่ายๆ แถมพาร์ทฝึกพูดมันเจ๋งคือมีให้บันทึกเสียงตัวเองเปรียบเทียบกับครูเจ้าของภาษา พอกดฟังเสียงตัวเองเทียบกับครูคือรู้เลยว่าเสียงตัวเองเพี้ยนขนาดไหน 55555

พอเจอเว็บที่ถูกใจ ก็ไม่รีรอตัดสินใจสมัครเลยทันที เพราะเขามีพักเรียนแบบรายเดือนที่ราคาพอรับได้ วิธีการก็ไม่ยุ่งยาก ไม่มีขายยาก:

  1. เปิดเว็บไซต์
  2. กดปุ่ม “สมัครสมาชิก” ขนาดใหญ่ๆ
  3. กรอกอีเมลกับรหัสผ่านแบบง่ายๆ (ไม่มีให้เติมเลขบัตรเครดิตตอนนี้ด้วย!)
  4. ยืนยันอีเมลแค่นิ๊ดเดียว
  5. เข้าสู่ระบบแล้วก็เลือกแพ็กเกจเรียน (เลือกรายเดือนไปก่อน กลัวเรียนไม่ไหวจะได้ไม่เสียดาย)
  6. จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต จบ!

เริ่มเรียนอย่างจริงจัง: ตอนนี้เรียนมาเกือบเดือนละ ระบบคือใช้ง่ายมาก เรียนที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีเน็ต ไม่ต้องเสิร์ชหาบทเรียนให้ปวดหัว เพราะเว็บเขาจัดเรียงไว้ให้เลยว่าต้องเรียนบทไหนก่อนหลัง มีแบบทดสอบก่อนเรียนให้วัดระดับด้วยว่าต้องเริ่มจากจุดไหน เนื้อหาก็แบ่งเป็นหัวข้อสั้นๆ พอเรียนจบแต่ละวันไม่เมื่อยสมองเกินไป แถมฟีเจอร์เด็ดคือมันบอกเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าด้วย พอเห็นว่าเรียนไป 30% แล้วเนี่ย มันฮึดขึ้นมาเลย 55

ข้อเสียที่พบ: ก็มีอยู่นิดหน่อย คือบางครั้งเน็ตที่บ้านหลุด เว็บก็ค้างนั่นแหละ ต้องรีเฟรชใหม่ แล้วเรื่องฝึกพูดกับ AI บางทีมันฟังสำเนียงเราไม่ออก ก็ต้องพยายามออกเสียงชัดๆ ซ้ำๆ หน่อย แต่นานไปก็เริ่มชินแล้วปรับปรุงได้

สรุปสั้นๆ หลังทดลองมาเป็นเดือน

  • เรียนออนไลน์เว็บไซต์ได้จริง! ถ้าเราเจอเว็บที่เหมาะกับเราจริงๆ
  • ต้องลองเรียนฟรีก่อนทุกครั้ง อย่าเพิ่งรีบจ่ายเงิน ไม่งั้นอาจจะเสียดายเอาทีหลัง
  • ฝึกพูดกับ AI ช่วยได้มาก ลำบากตอนแรกแต่คุ้มตอนหลัง
  • การเรียนจะได้ผลต้องทำเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาทีก็ยังดี อย่าขี้เกียจ!

คือดีกว่าเดินทางไปนั่งเรียนที่สถาบันเป็นไหนๆ ช่วยประหยัดทั้งเวลา ทั้งเงิน และยังสะดวกสุดๆ ด้วย จริงๆนะ!