ก็จะบอกว่าวันก่อนนั่งนึกขึ้นได้ว่าภาษาอังกฤษมันฝืดมาก ทั้งๆ ที่ผ่านมหาลัยมาแล้วแต่เอาเข้าจริงพอต้องฟังฝรั่งพูดแบบเร็วๆ หรือสั่งอาหารที่ร้านก็มึนตึ้บ เลยคิดว่าน่าจะหาที่ฝึกเพิ่มสักหน่อย
แรกๆ มองหากันมั่วมาก
นั่งค้นหากันไปเป็นเดือนในเน็ต เจอเว็บฝึกภาษาเพียบแต่แบบไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ของฟรีก็มีแต่เนื้อหาน่าเบื่อ บางที่ดันขึ้นป้าย “7 วันคล่องเป๊ะ” น่าขำตรงที่ยังไม่ทันสมัครก็รู้เลยว่าโดนหลอกแน่ๆ
เจอตัวช่วย 4 แบบที่โดนใจ
สุดท้ายลองจับทางถูก เอาจริงๆ แพลตฟอร์มเด่นๆ มันมีอยู่ไม่กี่แบบแหละที่ใช้ได้จริง แบบแรกนี่ง่ายสุด แค่เปิดมือถือก็เหมือนยกห้องเรียนมาไว้ตรงหน้าเลย:
- แบบฝึกหัดอิเล็กทรอนิกส์ : เข้าไปจิ้มๆ ข้อสอบฟังนี่ชิลมาก มันมีปุ่มให้กดฟังซ้ำจนกว่าจะเข้าใจ บางทีเสียงมันเร็วเกินก็มีลูกเล่นให้ปรับความเร็วได้ด้วยนะ ดีไม่ดีกว่าหนังสือฝึก听力เป็นไหนๆ
- ห้องคุยสด : ตอนแรกรี้งอายเหมือนกันนะที่จะเปิดกล้องคุยกับครูฝรั่งแบบตัวต่อตัว แต่พอลองดูก็นั่งเซ็งแทน เพราะกว่าจะได้คิวครูเก่งๆ นี่แทบรอเป็นอาทิตย์ สุดท้ายเลยเปลี่ยนไปใช้ระบบแชทพูดคุยแทนนี่แหละง่ายดี
- สมุดคำศัพท์ดิจิตอล : เจ๋งตรงที่มันฟาดศัพท์ให้เราทวนเป็นพักๆ แบบถ้าจำไม่ได้มันจะโผล่มาใหม่บ่อยขึ้น แต่มันก็เบื่อเหมือนกันนะที่เดี๋ยวเรืองบินเดี๋ยวเรืองบน ยัดไอคอนสัตว์น่ารักเยอะไปหมด
- แอปสะกดคำแข่งกับเวลา : อันนี้เล่นเพลินสุด ตอนปวดหัวจากทำงานมา เหมือนได้เล่นเกมทายคำไปด้วย บางด่านก็ท้าทายดี แต่มันก็มีด่านที่ยากจนอยากโยนมือถือน่ะแหละ
ของฟรีก็ใช่ว่าจะกาก
คนส่วนใหญ่คงคิดว่าเว็บฟรีๆ มันต้องห่วยแน่ๆ แต่ถ้ายังไม่อั้นเงินเหมือนบางแพลตฟอร์มแล้วกั๊กฟังก์ชันไว้เป็นร้อย ต้องบอกว่าที่ลองมาบางที่เค้าให้ทดลองใช้แบบไม่ต้องให้บัตรเครดิตกังวล เปิดโอกาสให้คนไม่มีตังก็ฝึกได้ แค่ต้องทนโฆษณาที่เด้งโผล่บ่อยเหมือนมดเล้ยเท่านั้นเอง
ข้อคิดจากคนผ่านทาง (แบบชาวบ้าน)
เรียนออนไลน์ดีตรงลืมตาขึ้นมาก็ฝึกได้เลยไม่ต้องแต่งตัว อ่อ… แต่แอบเหงานะที่ไม่มีเพื่อนร่วมคลาสเหมือนเรียนคอร์สสด ส่วนเรื่องความคืบหน้านี่มันช้ามาก ฟังฝรั่งหลายวันเหมือนพังไม่แพ้เดิม แต่มาคิดอีกทีก็เหมือนการโดนท่อประปาในห้องน้ำ ที่น้ำมันจะไหลช้าๆ ทุกวันจนกระทั่งวันนึงก็จะโล่งปรื๊ด
พอนานๆ ไปก็รู้เลยว่าแพลตฟอร์มไม่สำคัญเท่าความขยัน สุดท้ายถ้าไม่จิ้มเข้าไปฝึกทุกวัน เดี๋ยวเสียตังค์รายเดือนไปเปล่าก็มีให้เห็นเยอะแล้ว จบละจ้า!