เรื่องมันเริ่มจากเพื่อนบอกว่าแกรมม่าเนี่ยสำคัญมาก ขี้เกียจฝึกเดี๋ยวพูดอังกฤษเพี้ยน พอคิดดูก็ใช่ แต่ผมนี่แหละคนขี้เบื่อ ท่องตำราอย่างเดียวมันน่าเซง
สัปดาห์แรก: อัดแบบมึนๆ
เริ่มจากซื้อหนังสือแกรมม่ายกเซ็ตมาหลายเล่ม นั่งท่อง present simple อะไรต่อมิอะไรในร้านกาแฟทุกเย็น จำได้แม่นว่าประธานเอกพจน์ต้องใส่ s แต่พอลองพูดจริงแบบไม่เตรียมตัว “He go to school yesterday” โดนเพื่อนฝรั่งคิ้วขมวดนี่อยากมุดพื้น ตอนนั้นเอ๊ะตัวเอง มันต้องเป็น went นี่หว่า!
ปัญหาที่โผล่มา:
- พอคิดกฎแกรมม่ามากไป สมองตื้อจนพูดไม่ออก
- ท่องผ่านๆ แต่พอใช้จริงลืมตลอด
- รู้สึกว่าพูดช้าผิดปกติแบบน่าอาย
สัปดาห์ที่สอง: เจอตัวช่วยก้นครัว
เปิดยูทูปไปเรื่อยๆ เจอคลิปฝรั่งเขาสอน ให้ลอกบทสนทนาในหนังที่ชอบนี่แหละ ผมก็นั่งแกะ dialogue ในซีรีย์เกาหลีเรื่องโปรดซะเลย (สงสัยฝรั่งเค้าจะงงว่าทำไมต้องเกาหลี) แต่ไม่สน! ฝึกเลียนแบบบทพูดฮีโร่แบบ word by word แล้วอัดเสียงฟังตัวเอง พอฟังตอนแรก อ้าวทำไมสำเนียงมันเหมือนเอ็งออกจะสั่งก๋วยเตี๋ยวเรืออยู่ร้านเจ๊จิ๋มวะ
แต่พอฝึกไปอาทิตย์นึงเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง:
- ประโยคแบบ “We need to talk” หรือ “I’m dead serious” พูดลื่นขึ้นโดยไม่ต้องมานั่งคิดว่าใช้ present continuous ไม่ได้
- ได้ยินฝรั่งพูดอะไรแว๊ปนึง ประมวลผลในหัวเร็วกว่าเดิม
- นึกไม่ถึงว่าจะร้องเพลงใน Frozen ไปเรื่อยๆ แล้วมันช่วยเรื่องการใช้ was/were ได้!
สัปดาห์สุดท้าย: ทิ้งท้ายแบบมันส์ๆ
ลองไปนั่งฟังฝรั่งในสวนเบญจกิตติแบบไม่ซีเรียส พอเขาถามว่าขอน้ำเพิ่มยังไง เอ๊ะ พูดออกไปแบบอัตโนมัติว่า “Could I get more water, please?” ซึ่งถูกแกรมม่าเป๊ะโดยไม่ทันได้มานั่งแยกว่า could หรือ can ดีนะ ดีใจจนเผลอยิ้มอย่างบื้อๆ เขาคงนึกว่าผมตรูดีใจได้กับแก้วน้ำ
สรุปสั้นๆ จากคนเคยแพ้แกรมม่า:
เลียนแบบก่อนค่อยมาดูหลักการทีหลัง
- เอาวิดีโอ/เพลงที่ชอบมาฝึกพูดตามจนปากจำเอง
- อย่ามัวอาย ถ้าพูดเพี้ยนเดี๋ยวค่อยแก้
- แกรมม่าที่ได้มาแบบไม่ต้องท่อง คือแกรมม่าที่อยู่ติดตัวที่สุด
เรื่องคนอื่นจะคิดว่าเราใช้ past perfect ผิดนิดหน่อยเนี่ย ผมว่าไม่เป็นไร แค่สื่อสารรู้เรื่อง สำเนียงมีกลิ่นข้าวมันไก่บ้าง นั่นแหละ Identity ของเราวะ!