วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมถึงต้องคำนวณราคาสอนพิเศษภาษาอังกฤษใหม่ เพราะทั้งคนสอนและคนเรียนต่างก็ไม่ค่อยพอใจกับราคาที่ตั้งกันอยู่ตอนนี้
เริ่มจากปัญหาที่เจอ
เพื่อนที่สอนพิเศษหลายคนบ่นว่า ตั้งราคาเท่าไหร่ก็ดูไม่เวิร์ค บางทีถูกไปนักเรียนก็ไม่เชื่อถือ ค่าแรงแทบไม่คุ้ม ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนน้องๆนักเรียนก็รุมคอมเพลนว่า เรียนพิเศษทีเหมือนยื่นคิวกู้บ้าน เลยไปถามตรงๆกับน้องในกลุ่มวัยทำงานที่เรียนกับเราอยู่ เขาบอกตรงๆว่า “พี่รู้ไหม…เงินเดือนผมได้มาก็แค่สามหมื่น นี่จ่ายค่าคอร์สไปเดือนนึงหมื่นนึงแล้ว”
ลงมือเก็บข้อมูลจริง
ไม่พูดมาก เปิด Google Form กระจายถามทั้งกลุ่มติวเตอร์และกลุ่มนักเรียนประมาณ 50 คน:
- ถามติวเตอร์: ค่าเช่าสถานที่/ค่าน้ำค่าไฟ/ค่าสื่อการสอนเดือนละเท่าไหร่ จำนวนนักเรียนกี่คนต่อวัน
- ถามนักเรียน: คาดหวังผลลัพธ์แบบไหน งบประมาณที่จ่ายไหวจริงต่อเดือน ต้องการเรียนแบบกลุ่มหรือตัวต่อตัว
ตัวเลขที่ได้ทำให้ตาสว่างมาก! ติวเตอร์ส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายคงที่เดือนละ 8,000-15,000บาท ถ้ารับนักเรียนวันละ 4 คนก็หารเฉลี่ยคนละ 250 บาท/ชม. แต่นักเรียนอยากจ่ายแค่ 150-200 บาทต่อชั่วโมงเท่านั้น Gap เยอะชัดๆ!
สูตรลับที่ปรับใช้ได้จริง
หลังจากนั่งปาดเหงื่อกองข้อมูล สรุปเป็นสูตรให้เพื่อนๆเอาไปปรับใช้ได้เลย:
ราคาต่อชม. = (ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน + ค่าขนมครู) ÷ จำนวนชม.สอนขั้นต่ำต่อเดือน + เงินกำไรที่อยากได้ต่อชม.
- ยกตัวอย่างตัวเอง: ค่าเช่าห้อง+สาธิตูปโภคเดือนนึง 9,000 บาท กินข้าวแกงระหว่างสอนเดือนนึงอีก 3,000 (สอนทีไหร่หิวทุกที)
- ถ้าอยากสอนเดือนละ 60 ชม.: (9,000 + 3,000) ÷ 60 = 200 บาท/ชม.
- บวกกำไร 50บาท/ชม: ตั้งราคาสุดท้ายที่ 250 บาท
ได้ผลเกินคาด!
ลองใช้สูตรนี้ปรับราคาตั้งแต่เดือนที่แล้ว:
- นักเรียนที่ต้องการเรียนแบบกลุ่ม (3-5 คน) เราลดเหลือ 150บาท/คน จากเดิม 200
- คอร์สตัวต่อตัวเดิมชม.ละ 400 ตอนนี้เหลือ 300 บาท
- ผลลัพธ์? ตอนนี้มีนัดเรียนเพิ่ม 30% จากนักเรียนที่บอกว่า “ราคานี้จ่ายไหวไม่เจ็บตัว”
สรุปให้สั้นๆแบบชาวบ้าน: หาราคาที่อยู่ตรงกลางให้ได้ อย่าคิดแต่ตัวเองกำไรเต็มกระเปาะ เอาต้นทุนมาคิดให้ชัดๆ แล้วถามความเห็นลูกค้าด้วย ทุกฝ่ายอยู่ได้เราก็อยู่รอด!