สอนอ่านอังกฤษพื้นฐานเริ่มต้น ฝึกยังไงให้อ่านคล่องใน 1 เดือน

0
2

เฮ้อ……พูดแล้วเครียด คิดถึงตอนตัวเองเริ่มฝึกอ่านอังกฤษเนี่ย บอกเลยว่าสมัยก่อนนั่งแปลประโยคง่ายๆยังใช้เวลา 5 นาที งงไปหมด! พอเห็นเขาบอกว่า 1 เดือนอ่านคล่องได้ เราแม่งไม่เชื่อแต่ก็หมดทางเลือกแล้วอะ ต้องลอง

อาทิตย์แรก: มาเริ่มแบบมึนๆกันก่อน

วันแรกนี่โหดมาก เราเอากิจกรรมเด็กประถมที่แชร์กันในกลุ่มเรียนมาลอง (แบบฝึกหัดอ่านสัตว์น่ารักๆนั่นแหละ) อ่านไปน้ำตาไหลไป เพราะรู้แค่ว่า Cat แมว Dog หมา ที่เหลือแทบเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว! ใช้วิธีเนี๊ยบๆ:

  • ไม่ต้องเก่งศัพท์ตอนเริ่ม: เปิดดิกทีละคำมันเหนื่อย เลยใช้แอพถ่ายรูปแปลสั้นๆก่อน แปลเสร็จก็เขียนศัพท์นั้นซ้ำบนกระดาษ 3 รอบ จำง่ายดี
  • จับตายตัว “is, are, the, a”: อันนี้นายตัวสำคัญมาก เราใช้ปากกาเน้นสีเหลืองตีกรอบคำพวกนี้ทุกประโยคที่อ่าน มองปุ๊บรู้เลยว่าประโยคมัน “ยืน” ตรงไหน
  • อ่านออกเสียงทั้งเรื่องแม้ผิด! วันแรกแม่งอ่านได้ตะกุกตะกักเหมือนรถติด แค่ประโยค “The cat is on the mat.” อ่านสามทีรัว แต่ก็อ่านออกเสียงไปเรื่อย ห้ามอาย

อาทิตย์ 2-3: ช่วงลุยของจริง!

เริ่มจับทางได้นิดนึง เราเพิ่มระดับความโหดเล็กน้อย:

  • เปลี่ยนมาอ่านเรื่องในชีวิตจริง: เลิกอ่านแมวหมาแล้ว! หันมาอ่านพวกประกาศในแอพเดลิเวอรี ป้ายโฆษณาริมถนนที่ถ่ายไว้ หรือแม้แต่คำแนะนำบนขนมขบเคี้ยวที่กินอยู่ สิ่งรอบตัวมันทำให้เราไม่ท้อเพราะเห็นผลใช้ได้จริง
  • เทคนิค “ตะบัน 5 นาที”: หาเรื่องสั้นๆ ระดับประถม (หรือข่าวกีฬาสั้นๆถ้าชอบ) มาตั้งเวลา 5 นาที อ่านออกเสียงให้เร็วที่สุดเท่าทำได้ ไม่ต้องแปลเป๊ะ แค่ให้ตาเคลื่อนผ่านประโยคไวๆ ทำวันละ 3-4 รอบ ช่วงแรกปวดหัวแต่พอทำบ่อยๆ สมองเริ่มจับจังหวะคำเอง
  • แอบดูการ์ตูนเสียงอังกฤษซับไทย: ฟังไปดูซับไทยไป ตอนแรกก็ดูเอาสนุก แต่พอมันพูดอะไรบางอย่าง เราก็หยุดเล่นซ้ำๆ แล้วลองอ่านซับนั้นซ้ำตาม เห้ย! มันตรงกับที่อ่านอยู่พอดีนะ คล้ายๆได้ยินเสียงในหัวเวลาอ่าน

อาทิตย์ 4: เหมือนเริ่มเห็นแสง!

เริ่มไม่ต้องพึ่งดิกทุกคำ ศัพท์เดิมๆ โผล่มาตอนอ่าน รู้เลยว่ามันคืออะไร สมองประมวลเร็วกว่าเดิม:

  • เริ่มอ่านเรื่องยาวขึ้นหน่อย: เปลี่ยนจากอ่านทีละประโยค เป็นอ่านทีละย่อหน้าสั้นๆในเน็ต (พวกบทความ How to ทำอะไรง่ายๆ) พยายามไม่จดทุกคำ แต่จับใจความว่าเค้าจะบอกอะไรเรา หัวข้อหลักคืออะไร
  • ฝึกอ่านแบบ “แข่งกับนาฬิกา”: ใช้เรื่องเดิมๆที่เคยอ่านในอาทิตย์แรกๆ มาอ่านอีกที คราวนี้จับเวลาดูว่าอ่านได้เร็วขึ้นขนาดไหน พอเห็นตัวเลขลดลงจาก 5 นาที เหลือ 2 นาทีเนี่ย มันฮึดขึ้นมาทันที!
  • เริ่ม “แชร์” แบบไม่ต้องเก่ง: เอาเรื่องที่อ่านวันนั้น สรุปเป็นภาษาไทยสั้นๆ โพสลงไดอารี่ตัวเอง หรือแชร์ในกลุ่มเล็กๆแบบ “วันนี้รู้มาว่า…” ไม่ต้องเป๊ะ ฝึกเล่าไปก่อน

สรุป 1 เดือนที่เปลี่ยนไป:

บอกตรงๆว่าคล่องระดับเทพนี่ยังไม่ถึง! แต่สิ่งที่ได้คือ เราไม่กลัวแล้ว เดือนก่อนอ่านเมนูร้านอาหารยังสะดุด เดี๋ยวนี้ฮาร์รีพอตเตอร์บทต้นๆอ่านคล่องขึ้นเยอะ! ได้คำศัพท์พื้นฐานติดสมองไปไม่รู้ตัวสัก 200 คำ แถมรู้สึกว่าสมองมันจับกลุ่มคำได้เป็นธรรมชาติขึ้น (โดยไม่ต้องมานั่งแยก is, are ทีละตัว) สำคัญที่สุดคือ เราผ่านจุดที่อยากยอมแพ้แล้ว! รู้สึกว่าทำได้จริงๆถ้าอึด.

ใครแอบท้ออยู่…เราเข้าใจนะ ก้าวแรกนี่โคตรหิน แต่เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวที่เราชอบก่อน วันแรกอาจอ่านได้แค่ 3 ประโยคก็ดีแล้ว! อึดไว้ เดือนนึงเนี่ย มันเปลี่ยนอะไรได้จริงๆนะ.