อยากลองใช้ รีวิว palfish จากคนใช้จริง ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้างนะ

0
10

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงกับการลองใช้งาน Palfish ดูบ้าง หลังจากซุ่มๆ มองๆ หาช่องทางอะไรทำนองนี้มาสักพักใหญ่ๆ

จุดเริ่มต้นการเดินทางกับ Palfish

เรื่องของเรื่องคือ ผมก็เหมือนหลายๆ คนนั่นแหละครับ ที่อยากจะหาอะไรทำเพิ่มเติมจากงานประจำ หรือบางทีก็คิดอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศมาทำงานจากที่บ้านดูบ้าง ก็เลยเริ่มเสิร์ชหาข้อมูลไปเรื่อยเปื่อย จนไปเจอเจ้าแอปพลิเคชันตัวนี้เข้า ชื่อว่า Palfish ตอนแรกก็งงๆ ว่ามันคืออะไร แต่พออ่านๆ ดูคร่าวๆ ก็เหมือนจะเป็นแพลตฟอร์มสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้กับเด็กๆ ชาวจีนเป็นหลัก ฟังดูก็น่าสนใจดีนะ เพราะส่วนตัวก็พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แล้วก็ชอบคุยเล่นกับเด็กๆ อยู่แล้ว

ขั้นตอนการสมัครที่ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด

ตัดสินใจได้แล้วก็ลองโหลดแอปมาดูเลยครับ หน้าตาแอปก็ดูใช้งานง่ายดีนะ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากนัก สิ่งที่ต้องเตรียมหลักๆ ก็จะมี:

  • ข้อมูลส่วนตัวทั่วไป: ชื่อ นามสกุล อีเมล อะไรพวกนี้แหละครับ
  • เอกสารยืนยันตัวตน: ผมใช้พาสปอร์ตในการยืนยันตัวตนไปครับ
  • วุฒิการศึกษาหรือใบรับรองการสอน (ถ้ามี): อันนี้ใครมีพวก TEFL, TESOL ก็จะดีมากเลยครับ ตอนนั้นผมยังไม่มี ก็เลยใช้แค่วุฒิปริญญาตรีไปก่อน แต่ก็แอบกังวลนิดๆ ว่าจะได้ไหม
  • วิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ: อันนี้สำคัญเลยครับ เขาจะให้เราอัดคลิปแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ประมาณ 1-2 นาที พูดถึงประสบการณ์ ความสามารถ หรือทำไมถึงอยากมาสอนที่นี่ ผมก็พยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด พูดช้าๆ ชัดๆ ยิ้มแย้มเข้าไว้
  • ตั้งค่าการรับเงิน: เขาก็จะมีช่องทางให้เราผูกบัญชีสำหรับรับเงิน ซึ่งตอนนั้นผมใช้ Payoneer ครับ

หลังจากกรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ก็ต้องรอทาง Palfish ตรวจสอบครับ จำได้ว่ารออยู่ประมาณ 2-3 วันทำการ ก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่าผ่านการอนุมัติแล้ว ดีใจมาก!

ก้าวแรกสู่การเป็นครู Palfish

พอได้รับการอนุมัติแล้ว ก็ยังสอนเลยไม่ได้นะครับ เราต้องเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ของเราให้เรียบร้อยก่อน ใส่รูปโปรไฟล์สวยๆ หน่อย เขียนแนะนำตัวเองให้น่าสนใจ แล้วก็ต้องทำ Demo Class หรือคลาสสอนตัวอย่างให้ทางระบบดูก่อน เพื่อให้เขามั่นใจว่าเราสอนได้จริงๆ ซึ่งตรงนี้ก็แอบตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ก็อาศัยดูตัวอย่างจากครูคนอื่นๆ บ้าง แล้วก็เตรียมสคริปต์คร่าวๆ ไว้

หลังจากผ่าน Demo Class แล้ว (ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี) ทีนี้ก็ถึงเวลาเปิดรับนักเรียนจริงๆ แล้วครับ! ใน Palfish เนี่ย มันจะมีคลาสอยู่หลักๆ สองแบบที่ผมเจอคือ:

  • FreeTalk: อันนี้ก็ตามชื่อเลยครับ คือคุยเล่นอิสระกับนักเรียน ไม่มีหลักสูตรตายตัว ส่วนใหญ่จะเป็นการฝึกสนทนาทั่วไป นักเรียนสามารถโทรเข้ามาหาเราได้เลยถ้าเห็นเราออนไลน์อยู่ เรทราคาก็จะตั้งเองได้ แต่ก็ต้องดูไม่ให้สูงหรือต่ำกว่าตลาดเกินไป
  • Official Kids Course (OKC): อันนี้เป็นคลาสหลักสูตรสำหรับเด็กๆ เลยครับ เนื้อหา บทเรียน สไลด์ต่างๆ ทาง Palfish จะเตรียมไว้ให้หมดแล้ว เรามีหน้าที่แค่สอนตามนั้น ซึ่งสำหรับผม ผมว่าแบบนี้ง่ายกว่านะ เพราะไม่ต้องเตรียมอะไรเองมากนัก แค่ทำความเข้าใจเนื้อหาก่อนสอนก็พอ แต่การจะได้สอน OKC เนี่ย ก็ต้องผ่านการอบรมและทดสอบจากทาง Palfish อีกรอบนึงก่อนครับ ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรมาก

    ประสบการณ์จริงในสนามรบ (เอ้ย! ห้องเรียนออนไลน์)

    ช่วงแรกๆ ที่เริ่มสอน FreeTalk ยอมรับเลยว่าค่อนข้างเงียบเหงาครับ กว่าจะมีนักเรียนคนแรกโทรเข้ามาก็รอนานพอสมควร ต้องอาศัยการโปรโมทตัวเองในกลุ่มต่างๆ ของ Palfish บ้าง หรือการเข้าไป Live สั้นๆ เพื่อให้คนเห็นหน้าเห็นตาเรามากขึ้น

    พอได้สอน OKC เท่านั้นแหละครับ คลาสเริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กๆ น่ารักมากครับ แต่ก็มีซนบ้างตามประสาเด็ก ซึ่งก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ต้องรับมือให้อยู่หมัด ต้องใช้พลังงานเยอะพอสมควรเลย ทั้งร้องเพลง ทั้งทำท่าทางประกอบ เพื่อดึงดูดความสนใจของน้องๆ แต่พอเห็นเด็กๆ สนุกและเรียนรู้ได้ มันก็รู้สึกดีมากๆ ครับ

    สิ่งที่ผมชอบมากๆ เกี่ยวกับ Palfish คือ:

    • ความยืดหยุ่นของเวลา: เราสามารถเลือกเวลาที่เราสะดวกสอนได้เองเลย จะเปิดสอนตอนไหนก็ได้ เหมาะกับคนที่อยากหารายได้เสริมมากๆ
    • ทำงานจากที่ไหนก็ได้: ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตดีๆ กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเครื่องเดียวก็สอนได้แล้วครับ สะดวกสุดๆ
    • ได้ฝึกภาษาไปในตัว: ถึงเราจะเป็นคนสอน แต่การได้คุยกับเจ้าของภาษา (ถึงแม้จะเป็นเด็ก) ก็ช่วยให้เราได้ฝึกฝนทักษะการฟังการพูดของเราไปด้วย
    • รายได้ก็ถือว่าโอเคเลยนะ: ถ้าขยันเปิดสอน มีนักเรียนจองคลาสเยอะๆ รายได้ก็ถือว่าไม่น้อยเลยครับ สำหรับผมถือว่าเป็นรายได้เสริมที่ดีมาก

    แต่แน่นอนว่ามันก็มีเรื่องที่ต้องเจอหรือข้อจำกัดอยู่บ้าง:

    • การแข่งขันค่อนข้างสูง: ครูในระบบมีเยอะมากครับ โดยเฉพาะครูจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เราที่เป็น Non-native ก็อาจจะต้องพยายามสร้างจุดเด่นของตัวเองให้มากขึ้น
    • ความสม่ำเสมอของคลาส: บางช่วงคลาสก็เยอะมากจนสอนแทบไม่ทัน แต่บางช่วงก็อาจจะเงียบๆ ไปบ้าง อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติของงานฟรีแลนซ์ครับ
    • ปัญหาทางเทคนิค: บางทีก็มีปัญหาเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้าง หรือแอปค้างบ้าง ซึ่งก็ต้องคอยแก้ไขเฉพาะหน้ากันไป
    • เรื่องค่าปรับ: อันนี้ต้องระวังเลยครับ ถ้าเรามาสาย ยกเลิกคลาสกระทันหัน หรือมีปัญหาอื่นๆ ที่เกิดจากฝั่งเรา ก็อาจจะโดนหักเงินหรือมีผลต่อคะแนนของเราได้ ต้องอ่านกฎระเบียบให้ดีๆ
    • การสร้างฐานนักเรียนประจำ: ช่วงแรกอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยในการทำให้นักเรียนรู้จักและติดใจการสอนของเราครับ

    ส่งท้ายสำหรับคนอยากลอง

    โดยรวมแล้ว ประสบการณ์ของผมกับ Palfish ถือว่าค่อนข้างดีเลยครับ มันเป็นช่องทางที่ทำให้ผมได้ใช้ความสามารถทางภาษาของตัวเองให้เกิดประโยชน์ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ (ถึงแม้จะเป็นน้องๆ ตัวเล็กๆ ก็ตาม) และที่สำคัญคือสร้างรายได้เสริมได้จริงๆ

    ถ้าใครกำลังมองหางานสอนออนไลน์ที่ยืดหยุ่น หรืออยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ผมว่า Palfish ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจนะครับ แค่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ศึกษาข้อมูลให้ดี และมีความอดทนในช่วงแรกๆ หน่อย ที่เหลือก็ลุยเลยครับ! หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจอยู่นะครับ