เรื่องนี้มาจากปัญหาส่วนตัวเรานี่แหละ คือภาษาอังกฤษเราอ่อนมาก โดยเฉพาะฟังกับพูด บางทีฝรั่งถามมาก็ตอบไม่ถูก รู้สึกอายตัวเอง ตอนแรกก็คิดว่าเรียนคอร์สแพงๆน่าจะช่วยได้ แต่งบเราจำกัด เลยลุยหาวิธีเรียนให้ได้ผลเร็วในงบน้อย
เริ่มต้นสำรวจตัวเองก่อน
- เช็คสกิลตัวเองตรงๆ : ลองเปิดยูทูปคลิปฝรั่งพูดเร็วๆ ปรากฏว่าฟังรู้เรื่องแค่ 30% แถมเวลาอยากพูดออกมาก็ติดๆขัดๆ พูดเป็นคำๆ ไม่เป็นประโยค
- งบประมาณจริง : ตั้งไว้แค่พันห้าร้อยต่อเดือน เพราะเราเป็นพนักงานร้านกาแฟ รายได้ไม่สูง
ตามหาที่เรียนแบบตะลุยทุกที่
เริ่มจากถามเพื่อนร่วมงานก่อน เพื่อนบอกว่ามีสถาบันชื่อดังใกล้ๆห้าง แต่พอโทรไปถามราคาปุ๊บ…
ตกใจ! คอร์สละเกือบหมื่นบาท แพงเกินงบเราไปเยอะเลย หลังว่างจากงานก็ลงมือค้นต่อในแอพหาเรียนต่างๆ ลองกรองราคาตั้งต่ำสุด แถมอ่านรีวิวจนตาลาย
เจอทางเลือกที่น่าสนใจ
- คอร์สชุมชน : ในกลุ่มฟรีหนังสือพิมพ์เจอบอกว่าวัดแถวบ้านเปิดสอนฟรี วันอาทิตย์เช้า รีบไปสมัครทันที
- แอพฝึกภาษาฟรี : โหลดมา 2-3 ตัว ใช้ทุกวันตอนรอลูกค้าว่าง
- ติวเตอร์พาร์ทไทม์ : ในเว็บบอร์ดมหาลัยเจอนิสิตรับสอนชั่วโมงละร้อยห้าสิบ ถูกกว่าโรงเรียนสอนภาษาเยอะ
ลงมือเรียนแบบไม่กลัวผิด
วันแรกที่วัด : ไปทั้งๆที่ใจเต้น แต่บรรยากาศเป็นกันเอง อาจารย์เป็นอาวุโสที่เกษียณแล้ว สอนตั้งแต่คำศัพท์ง่ายๆ พอพูดผิดเพื่อนๆก็ไม่หัวเราะ แถมได้ฟังสำเนียงจริงจากอาสาสมัครฝรั่งที่มาช่วยสอนฟรีทุกเดือน
ส่วนแอพ : ใช้วันละ 20 นาทีช่วงพักเบรก มันมีเกมส์ฝึกฟังเรื่องง่ายๆ เช่นสั่งกาแฟ ถามทาง ทำแล้วได้คะแนนก็สนุกไปอีกแบบ
เรียนตัวต่อตัว : ตกลงกับพี่ติวเตอร์ว่าจะเน้นการพูดเป็นหลัก บอกเลยว่ายากมากตอนเริ่ม! หลายครั้งนึกคำไม่ออก พี่เขาก็ใจเย็น คอยช่วยแก้ประโยคให้เรา ตอนหลังเริ่มกล้าพูดยาวๆ
ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้
ผ่านไป 3 เดือน…
- ฟังเก่งขึ้นชัดเจน : วันก่อนเจอทัวริสต์สั่งลาเต้เย็นใส่วิปครีม ฟังเข้าใจในครั้งเดียว!
- พูดคล่องกว่าเดิม : จากที่ต้องท่องประโยคล่วงหน้า ตอนนี้สามารถคิดประโยคง่ายๆในหัวแล้วพูดได้ทันที
- ใช้งบแค่เดือนละพันสอง : ค่าเรียนตัวต่อตัวเดือนละ 600 บาท ที่เหลือเป็นค่าเดินทางไปวัด + ค่าอาหารเล็กๆน้อยๆที่ซื้อฝากอาจารย์
สรุปเลยนะ เวลาใครถามว่าจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษยังไงดี เราจะย้ำเสมอว่า เริ่มจากสิ่งฟรีใกล้ตัวก่อน อย่าเพิ่งเสียเงินเยอะ บางครั้งการเรียนรู้จากชีวิตจริงก็เห็นผลเร็วกว่าคอร์สแพงๆซะอีก!