พอดีเจอบทความสอนอ่านภาษาอังกฤษเบื้องต้น เขาบอกว่าแค่เจ็ดวันก็อ่านเร็วได้ เลยอยากลองทำดูด้วยตัวเอง นี่คือสิ่งที่ทำมาเป๊ะๆ เลย
วันแรกแบบมึนตึ๊บ
เริ่มจากหาข้อมูลง่ายๆ อย่างเวลาป้ายโฆษณา แท็กสินค้า สิ่งแรกที่เจอคือศัพท์พวก “sale” “open” “exit” แปลได้ไม่ยาก แต่พอเห็นประโยคยาวๆ ในเมนูร้านอาหารแบบ “spicy grilled chicken with sticky rice” ทำท่าวิดไม่ตกเลย จำศัพท์ไม่ได้แม้แต่คำเดียว
เอาจริงตั้งแต่วันสอง
เอาไม้เน้นประโยคสีเหลืองมาระบายในหนังสือพิมพ์ เด็กๆ เคยใช้ตอนเรียนภาษาไทยนั่นแหละ:
- วงกลมคำลงท้าย พวก -ing, -ed, -s
- ขีดเส้นใต้คำเชื่อม like, and, but
- ทำสัญลักษณ์คำถาม ตรงคำไม่รู้จัก
แค่นี้ก็เริ่มเห็นแพทเทิร์นแล้วว่าประโยคมันโยงกันยังไง
สามสี่วันพลิกเกม
เอาปริ้นเตอร์ที่บ้านพรินต์บทความภาษาอังกฤษจากเน็ต เอากริ๊กเน้นเสียงอ่านดังๆ ในห้องน้ำ:
- วันแรกอ่านช้าเหมือนหอยทาก ติดขัดทุกสองคำ
- วันที่สองอ่านลื่นขึ้นนิดนึงเพราะเริ่มจำตัวคำได้
ตอนแรกคิดว่าแค่ไม่กี่วันจะเก่งได้เหรอ แต่พอลองไปเรื่อยๆ กล้ามเนื้อปากมันจำจังหวะการออกเสียงได้เองนะ
หกเจ็ดวันตะลุยโซเชียล
กระโดดไปอ่านคอมเมนต์ในเฟสบุ๊คเพจต่างชาติที่ชอบ พยายามเดาบริบทจากยูสเซอร์เนมกับอีโมจิ:
“OMG this cafe is lit! ☕️🔥” ตอนแรกนึกว่าเขาบอกว่าไฟไหม้ร้าน ค่อยๆ มานั่งแกะทีหลังถึงรู้ว่าแปลว่าสุดยอด
เจอศัพท์แสลงเต็มไปหมดแต่มันสนุกกว่าเรียนในหนังสืออีกนะ เพราะเป็นภาษาที่คนเขาใช้จริงๆ
สรุปแล้วได้อะไรมั่ง
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แบบไม่ได้หวังผลมาก แต่พอจับโปสเตอร์ประกาศหน้าห้างที่เคยทิ้งไว้ได้ความว่า “50% discount on second item” นี่แบบตะโกนลั่นร้านเพราะอ่านออก! ถึงจะยังแปลไม่คล่องแต่จับจุดสำคัญได้เร็วขึ้นเป็นกอง
ฝากถึงคนเพิ่งเริ่ม:อย่ากลัวผิด ยิ่งอ่านเสียงดังยิ่งจำเร็ว บางทีเห็นป้ายแปลกๆ ในห้างก็หยุดอ่านเลยนะ แรกๆ อาจอายหน่อยแต่มันช่วยได้จริงๆ นี่คือสิ่งที่ลองมาด้วยตัวเองเป๊ะๆ