ผมก็เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษใหม่อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้เคยลองเรียนแล้ว แต่ลืมหมด ไม่มีอะไรติดหัวเลยครับ ยิ่งไปกว่านั้น พอไปเจอเพื่อนฝรั่งทีไร นิ่งตลอด หาจับใจความแทบไม่ได้ เลยรู้สึกท้อ แต่ไม่ยอมแพ้ คิดในใจว่าต้องหาวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้จำได้จริง สักวันหนึ่งก็เลยค้นหาในเน็ตพบว่า มีคำศัพท์พื้นฐาน 100 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน แค่รู้แค่นี้ก็ช่วยสร้างพื้นฐานได้เยอะแล้ว ผมก็ตัดสินใจเลยว่า จะเริ่มจากศัพท์ 100 คำนี้ก่อน
ต่อมา ผมก็วางแผนง่ายๆ แบบนี้ครับ เริ่มจากแยกคำศัพท์ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ เช่น แบ่งวันละ 10 คำ แล้วใช้เวลาช่วงเช้ากับเย็นเรียนซ้ำๆ วันแรกผมหยิบกระดาษกับปากกาเขียนศัพท์ลงไป เช่น “hello = สวัสดี” หรือ “thank you = ขอบคุณ” พอเขียนเสร็จก็พยายามอ่านออกเสียงดังๆ หน้ากระจก แต่แล้วก็เกิดปัญหาเหมือนกัน เพราะจำไม่ค่อยได้ มันยากจริงๆ ครับ ยิ่งศัพท์ยาวๆ เช่น “understand = เข้าใจ” นี่ผมลืมซ้ำแล้วซ้ำอีก พอง่วงก็พัก แล้วก็พยายามเอามาใช้ในชีวิตจริง เช่น พูดกับตัวเองในห้องน้ำว่า “How are you?” แถมเมื่อวานนี้ผมลองเปิดซีรีส์ฝรั่งดู แล้วหยุดฟังศัพท์ที่เรียนไป พอเจอคำว่า “good” ในเรื่องก็ดีใจเลย เหมือนมันช่วยต่อเรื่องให้จำขึ้นใจกว่าเดิม
หลังจากผ่านไปสักอาทิตย์ ผมก็พบว่าวิธีการปรับเปลี่ยนช่วยได้มากนะครับ โดยเฉพาะการทำบัตรคำ (flashcards) ง่ายๆ ผมก็เริ่มใหม่โดยใช้กระดาษแข็งตัดเป็นแผ่นเล็กๆ เขียนศัพท์ไทยกับอังกฤษ แล้วสลับหน้าไปดูทีละอัน เช่น หน้าแรกเขียน “eat = กิน” พอเปิดอีกด้านก็เช็คความถูกต้อง พอเจอคำยากก็ทำซ้ำหลายรอบ เช่น “because = เพราะว่า” ต้องฝึกอ่านทุกเช้า หรือเวลาเล่นมือถือก็เขียนโน้ตแปะไว้อ่านเวลาเบื่อๆ แถมพอไปซื้อของที่เซเว่น ผมก็แอบฝึกพูดกับพนักงานว่า “thank you” หรือ “see you” นิดหน่อย มันก็อายนิดๆ แต่พอทำบ่อยเข้า ค่อยๆ คุ้นขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายก็จบลงด้วยความภูมิใจครับ หลังจากใช้เวลาราวๆ 1 เดือน ผมเริ่มจำศัพท์ทั้ง 100 คำได้ครบเลย พอเปิดฟังเพลงหรือดูยูทูบ ก็จับคำที่เรียนไปได้ง่ายขึ้น เช่น เข้าใจประโยคง่ายๆ อย่าง “I love you” หรือ “How much is it?” แม้ยังไม่เก่งเป๊ะ แต่มั่นใจกว่าตอนแรกมาก พร้อมกับเคล็ดลับส่วนตัวที่อยากแชร์ต่อ: ไม่ต้องรีบไปเรียนศัพท์ยากๆ ก่อน เลือกแค่คำพื้นฐานที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันจริงๆ แล้วฝึกทวนด้วยวิธีธรรมดาๆ แค่นี้ก็สร้างพื้นฐานดีต่อยอดได้แน่นอนครับ