ก็อ้ะ เล่าสู้อันนี้ละกัน เรื่องเรียนภาษาอังกฤษฟรีเนี่ย เราเองก็คนหนึ่งที่อ่อนภาษาอังกฤษมาก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดก็ติดขัด เขียนยิ่งแล้วใหญ่ ตอนแรกนั่งดูคลิปในยูทูปตั้งหลายอัน มันบอกให้ฝึกโน่นนั่นนี่ แต่พอทำจริงกลายเป็นห่วยทุกที
เริ่มจากเลขศูนย์อีกครั้ง
เรากะว่าต้องเปลี่ยนวิธีแล้ว เลยหยิบโทรศัพท์มาเซ็ตภาษาเป็นอังกฤษซะเลย เปิดกล่องทีต้องมางงว่าปุ่มเมนูอยู่ไหน จะแชทกับแฟนแต่ละทีพิมพ์ผิดพลาดเพียบ เจอคำที่ไม่รู้จักก็ต้องกดเปิดดิกชันนารี่ทุกครั้ง มันโคตรเซ็งในตอนแรกแต่อยู่ไปๆกลับชิน!
ติดนิสัยแปลรอบตัว
- ตอนกินข้าวก็จ้องฉลากซองน้ำปลา “Ingredients: Fish extract, salt, sugar…” ทำไมมันง่ายจังวะ?
- เดินผ่านป้ายโฆษณาบน BTS ต้องแกล้งอ่านทุกอัน “New collection now available” แปลไม่ออกก็เดาๆ กลายเป็นเกมแก้เบื่อเวลาเดินทาง
- ตอนดูซีรีส์ก็พยายามปิดซับไทย เปิดซับอิงแทน ฟังไม่ออกเลยนะ ต้องย้อนกลับไปฟังซ้ำเป็นสิบรอบ บางทีกดหยุดแล้วพยายามพูดตามเสียงตัวละครงี้แหละ
เปลี่ยนนาฬิกาปลุกให้เป็นอาจารย์
ตั้งปลุกให้พูดว่า “It’s time to wake up! You have a great day ahead!” ตอนแรกตื่นมาก็สะดุ้งเพราะไม่คุ้นหู สองสัปดาห์ผ่านไปกลายเป็นว่าเผลอพูดตามโดยอัตโนมัติตอนลุกจากเตียง!
โดนบังคับให้คุยกับคนจริง
นี่เรื่องหนักเลย เราเป็นคนขี้เขินสุดๆ แต่มันมีร้านกาแฟฝรั่งเปิดใหม่แถวบ้าน เลยบังคับตัวเองให้สั่งเป็นภาษาอังกฤษทุกครั้ง “Can I have… um… latte… cold… medium?” ตอนแรกพนักงานทำตาเหล่เพราะฟังไม่รู้เรื่อง แต่พยายามพูดช้าลงให้ “Small? Medium? Large?” ก็พยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้กลายเป็นลูกค้าประจำจนพนักงานเริ่มชวนคุยเรื่องอากาศแล้วนะ!
พลาดแล้วพลาดอีกแต่ไม่เลิก
สุดท้ายเนี่ย ความพยายามของเรามันก็มีพลาดเหมือนกัน อาทิตย์ที่แล้วเจอฝรั่งหลงทางจะถามทาง เราตื่นเต้นจนพูดออกมาว่า “You… lost? Go… left… then… horse statue!” เค้างงมากถามกลับว่า “Horse? There is no horse statue here?” กลายเป็นเราแสดงท่าทางแบบควบม้าซะเลย อุตส่าห์คิดศัพท์ออกเป็นคำๆยังผิด!
สรุปแล้ว ไม่มีสูตรสำเร็จจริงๆหรอก เราแค่เอาภาษาอังกฤษมาโยนลงในชีวิตประจำวันบ่อยๆ แค่สัปดาห์เดียวมันก็ไม่เห็นผลหรอกนะ ต้องทนเซ็งไปเรื่อยๆ เดือนนึงผ่านไปถึงเริ่มรู้สึกว่าฟังข่าวยูทูปรู้เรื่องขึ้นนิดหน่อย ส่วนตอนนี้ถ้าให้แนะนำจริงๆ เน้นไปเลยว่า อย่ากลัวที่จะโง่!
PS: โคตรตกใจเมื่อวานเองตอนนึกศัพท์ว่า “อ่าวเอ้ย” ในภาษาอังกฤษมันคือ “Ohoi” ได้ปะ? มาเถียงกันมา!