ทำไมถึงเริ่มเรียน?
วันนึงเจ้านายเรียกไปคุยหน้าตาเฉย พอดียื่นรายงานสรุปผลงานประจำไตรมาสให้แก แกอ่านไปสักพักก็ย่นคิ้ว แล้วก็ชี้ไปที่สรุปตรงท้ายว่า “Potential for growth in regional markets requires more aggressive approach”
แกถามง่ายๆว่า “นี่… ‘aggressive’ ในที่นี้หมายถึงดุเดือดเลือดพล่านหรือยังไง?” พอได้ยินทีไรหน้าแทบร้อน เพราะตอนนั้นเรากะจะเขียนว่าต้องการ ‘กลยุทธ์ที่รุนแรงขึ้น’ น่ะแหละ แต่มันดูคำแรงไปหมด! พอแกอธิบายว่าเค้านิยมใช้คำว่า ‘proactive’ หรือ ‘assertive’ มากกว่า ตอนนั้นรู้เลยว่า ภาษาอังกฤษในหัวมันตกยุคไปแล้ว
หาเล่มเรียนยังไง?
แรกๆก็พยายามหาเองในเน็ต นั่งแทะเล็มบทความ แต่ยิ่งอ่านยิ่งมึน เพราะเจอแต่คำศัพท์แบบทางการมากๆ บางเว็บสอนให้เขียนอีเมลขอเลื่อนนัดว่า “I am writing to solicit your esteemed consideration regarding a temporal adjustment…” ซึ่งปกติคนแถวออฟฟิศแกก็แค่เขียนว่า “Could we reschedule?”
- ลองสมัครคอร์สฟรีก่อน – ได้เนื้อหาสารพัดแต่ไม่ยอมจบสักที เรียนแบบเก็บเลคเชอร์สุดท้ายลืมหมด
- ซื้อหนังสือมือสองมาอัด – หนังสือจากปี 2010 ยังสอนให้พูดว่า “Please find the attached herein” ในอีเมล ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ใช้กันแล้ว
- โดนเพื่อนล้อให้เลิกอาย – ตอนลองพูดอังกฤษในห้องประชุม เสียงแตกเฟี้ยวจนหัวหน้าแซวว่าเหมือน”แมวโดนเหยียบหาง”
จนทนไม่ไหว ยอมควักเงินจ่ายคอร์สเน้นธุรกิจโดยเฉพาะ เอาแบบมีครูตีๆหน่อย ไม่งั้นขี้เกียจ
โดนครูจัดแจงหนักมาก
พอเริ่มคอร์สวันแรก ครูให้เขียนอีเมลขอข้อมูลลูกค้าโดยไม่ให้ใช้คำว่า “kindly” หรือ “please be informed” เขียนแล้วครูขีดฆ่าทิ้งแดงพรืด บอกให้ใช้รูปประโยคตรงๆว่า “Could you share the sales figures by Friday?” แทนการพูดอ้อมโลกแบบเก่า
ทุกศุกร์ครูจะให้เล่นบทบาทสมมติ นั่นแหละสนุกจนหน้าแตก วันนึงจำลองเจรจาต่อรองสัญญา ตั้งใจจะพูดว่า “We need more flexible payment terms” ผลคือปากมันสั่งไปว่า “We want… more… free… for pay?” เห็นครูพยายามกดหัวเราะไม่ให้แตก ตอนนั้นนึกว่ามือคันๆอยากตบหน้าตัวเอง!
- ท่องศัพท์วันละ 5 คำที่ใช้จริง – แทนคำหรูอย่าง “utilize” ให้กลับไปใช้ “use” ธรรมดา
- อัดวิดีโอคอลกับครูสัปดาห์ละครั้ง – สองอาทิตย์แรกพูดได้แค่ “Yes”, “No” กับเสียงคราง “อืมม์…”
- ฝึกฟังสำเนียงออฟฟิศหลากชาติ – ตะลึงเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมงานสิงคโปร์เค้าพูดว่า “เดอะ” เป็น “ดะ”
โดนยื่นโอกาสให้ใช้จริง
พอเรียนไปสามเดือน เจอเคสสำคัญเมื่อทีมต่างชาติส่งเมลมาถามปัญหา ปกติเราจะหนีหน่อยเพราะกลัวตอบ แต่วันนั้นใจกล้าขึ้น… จัดไปเลยการ์ดเดียว! แกะเทมเพลตอีเมลที่ครูสอนมา:
“Hi Team, got your question about the delayed shipment. Here’s what I found:
– The container left port last Wednesday (tracking number attached)
– Local customs clearance usually takes 2–3 working days
Shall I check with the forwarder for an exact delivery date?”
ส่งเมลเสร็จมือยังสั่น แต่ผ่านไปแค่ชั่วโมงนึง ก็ได้เมลตอบกลับสั้นๆว่า “Crystal clear, thanks!” ครั้งแรกที่รู้สึกว่า อังกฤษธุรกิจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด!
ทุ่มฝีไม้ลายมือครั้งใหญ่
ตัดสินใจจัดเต็มตอนทบทวนงานประจำปี แทนที่จะลอกแบบฟอร์มเก่ามาเซย์เวย์ ลุยเขียน Performance Review เป็นอังกฤษเองทั้งหมด ใช้เทคนิคที่เรียนมา:
- เล่าเรื่องให้เห็นภาพด้วยตัวเลข – “boosted online sales by 15% via Facebook targeting” แทน “helped improve sales”
- โชว์แผนกระชับ – “Next quarter focus: expanding to South region (action plan attached)”
- ขอสิ่งที่ต้องการตรงๆ – “To drive the new project, I’d need authority to negotiate contracts up to ฿500k”
ส่งเอกสารไป ใจหายวาบเพราะรู้ว่ามันเสี่ยง อาจจะดูอีโก้ไปหรือเปล่า?
เงินเดือนพุ่งแบบฉุดไม่อยู่
ผ่านไปสองอาทิตย์ หัวหน้าเรียกพบ พอเปิดประตูห้องแกยิ้มกว้างแล้วชี้ไปที่เก้าอี้ บนโต๊ะมีซองเอกสารวางอยู่ พอเปิดดู… ตาแทบปูด!
ไม่ได้แค่ขึ้นเงินเดือนตามคาด แต่สกิปโบนัสอีกชุดด้วย แถมเป็นทีมหลักให้โปรเจกต์ใหม่ที่ต้องคุยกับลูกค้าต่างประเทศทุกวัน จนตอนนี้เพื่อนเก่าในออฟฟิศนี่ทำหน้างงแล้วถามว่า “ไปลงคาถาอะไรมา??“
สรุปสั้นๆตามตรง – ถ้ายังเถียงว่าภาษาอังกฤษไม่จำเป็นแล้วโปรโมชั่นรออยู่ เราขอว่างๆไปกินส้มตำแถวเสาชิงช้าก่อนละกัน!