เริ่มต้นเรียนด้วยความลังเล
ก็คือกูเซ็งอังกฤษมานาน ชอบดูดเกมฝรั่งเลยอยากพูดได้ แต่เรียนพิเศษแพงโคตร ตอนแรกนึกว่า Engoo มันเป็นแอปเกร็งๆ นั่งสมัครแล้วยังลังเลอยู่อีกสัปดาห์นึง อยากได้ข้อมูลก่อนตังค์แทบไม่มี
เด็ดสุดคือวันแรกที่เปิดแอป! เริ่มจากทำแบบทดสอบวัดระดับ ผลออกมาว่าเป๊ะ A1 นี่แหละ รู้ตัวเลยว่าขี้เกียจสอบจนเรทตกฮวบ หลังๆ จัดตารางวันละ 25 นาที เพราะมันถูกกว่าคอร์สสดเป็นเทน้ำเทท่า
ลงมือเรียนจริงจัง
เริ่มแรกทุ่มกับบทเรียน Daily News เยอะมากเพราะฟรี! จะนั่งสแกนหัวข่าวก่อนเรียนทุกวัน พอเจอหัวข้อ “Street Food” ที่กูสนใจ อุตส่าห์จดศัพท์หมูฮ้อง/ต้มยำไว้เป็นหน้า กะว่าไว้ไปคุยกับฝรั่งเที่ยวบางใหญ่ แต่พอเข้าเรียนจริงครูฟิลิปปินส์ถาม “Do you like spicy food?” นี่เงิบไป 5 วิ จำได้แต่คำว่า “spicy” แค่ตอบ Yes งั้นๆ สิ้นเซสชั่น
เลยปรับเกมใหม่:
- วันจันทร์-พุธกดเรียน Daily News เอา vocab ไปใช้
- วันศุกร์เลือกบทเรียน “Small Talk” พวกสแลงติดปาก
- ตื่นเช้าวันอาทิตย์นัดครูฝรั่งตรงๆ คุยหัวหักแหลกแต่ได้ฝึกการฟังที่สุดยอด
เคล็ดลับเด็ดที่ทำให้เห็นผล
ผ่านไปเดือนนึงยังพูดติดขัด กูก็ใช้ไม้ตายคือ แกล้งทำไดอารี่บันทึกเสียงส่งครูทุกเช้า! เริ่มจากเล่าว่าทานข้าวเช้าอะไร ไปคาเฟ่ไหน พอครูฟังจบก็จะแก้แกรมม่าให้แบบดุดัน ทั้งที่อัดเสียงตอนแรกแค่ 3 นาที เสียงสั่นแปปเพราะเกร็ง
ลองทำติดกัน 2 อาทิตย์ จู่ๆ ไปเจอทัวร์ฝรั่งที่พาหุรัดก็ อดใจไม่ไหวกระโจนไปถามทาง แม่งลื่นไหลโดยไม่ทันตั้งตัว! ตอนนั้นรู้เลยว่า Engoo ใช้ได้ผลถ้าตั้งใจ
สรุปแบบตรงไปตรงมา
พอเรียนมา 3 เดือนต้องยอมรับว่า:
- ถ้าเน้นแกรมม่าเลอเฟลอร์ไม่เหมาะ ครูลุยเอาใช้งานได้จริง
- เวลา 25 นาทีโคตรน้อย! แต่ข้อดีคือบีบให้จัดสรรเวลาได้
- ต้องเลือกบทเรียนเอง ถ้ากดสุ่มครูเรทจะโหดร้าย
สุดท้ายกูเพิ่มสปีคให้คล่องด้วยการซุ่มฟังพอดแคสต์ร้านเหล้า แม่งอยู่ง่ายๆ แค่ขยันก็เห็นผลชัดๆ ครับ!