โอ้ยยย ปวดหัวเลยค่ะ ตอนจะหาที่ให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์เนี่ย ตอนนั้นก็คิดหนักเลยว่าจะให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ไหนดี pantip ก็เป็นแหล่งแรกๆ ที่เข้าไปส่องเลยค่ะ กระทู้ถามกันให้พรึ่บ! แต่ละคนก็แนะนำมาหลากหลายมาก จนตาลายไปหมดเลยค่ะ
ตอนแรกนะคะ ดิฉันก็เหมือนคุณแม่ๆ ท่านอื่นแหละค่ะ เริ่มจากความว่างเปล่าเลย ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี ก็เลยตั้งหลักด้วยการเข้าพันทิปก่อนเลยค่ะ ไปอ่านๆ ดูว่าเขารีวิวที่ไหนกันบ้าง ที่ไหนคนพูดถึงเยอะๆ มีทั้งแบบสถาบันใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว กับแบบที่เป็นครูอิสระ หรือแพลตฟอร์มใหม่ๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ อ่านไปก็จดชื่อไป ลิสต์ยาวเป็นหางว่าวเลยค่ะคุณ
พอได้รายชื่อมาคร่าวๆ นะคะ ขั้นตอนต่อไปที่ดิฉันทำก็คือ เริ่มคัดกรองค่ะ อันไหนที่ดูแล้วราคาสูงเกินงบไปมาก หรือเวลาเรียนไม่ตรงกับตารางชีวิตของเราเลย ก็ตัดออกไปก่อน พยายามหาที่ที่มันดูจะเข้ากับครอบครัวเราได้มากที่สุดค่ะ
ขั้นตอนการลองผิดลองถูกของดิฉันเอง
หลังจากคัดกรองเบื้องต้นแล้ว ที่นี้ก็ถึงเวลาลงสนามจริงค่ะ
- ดูรีวิวละเอียดขึ้น: นอกจากในพันทิปแล้ว ดิฉันก็ไปเสิร์ชหารีวิวตามกลุ่มผู้ปกครองในเฟซบุ๊กบ้าง หรือตามบล็อกต่างๆ บ้างค่ะ พยายามอ่านหลายๆ ความเห็นประกอบกัน ทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมดนะคะ เพราะบางทีประสบการณ์แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
- เข้าไปดูเว็บไซต์ของแต่ละที่: อันนี้สำคัญมากค่ะ ดิฉันจะเข้าไปดูเลยว่าเขามีคอร์สเรียนอะไรบ้าง เนื้อหาประมาณไหน เหมาะกับเด็กเล็กหรือเด็กโต สไตล์การสอนเป็นยังไง มีครูแบบไหน (ครูไทย ครูต่างชาติ) บางที่ก็จะมีคลิปตัวอย่างการสอนให้ดูด้วย อันนี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
- ติดต่อสอบถามข้อมูล: ที่ไหนสนใจเป็นพิเศษ ดิฉันก็จะลองไลน์ไปคุย หรือโทรไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเลยค่ะ เช่น เรื่องค่าเรียน ตารางเรียน การชดเชยถ้าลูกขาดเรียน หรือระบบการเรียนเป็นยังไงบ้าง ดูว่าเขาตอบคำถามเคลียร์ไหม ใส่ใจเราหรือเปล่า
- ลองเรียนฟรี! อันนี้พีคสุด: หลายๆ ที่เขามีให้ทดลองเรียนฟรีก่อนตัดสินใจค่ะ ดิฉันนี่ตัวดีเลย สมัครไปหลายเจ้ามากกกก (หัวเราะ) ให้ลูกได้ลองเรียนจริงๆ เลยค่ะ ดูว่าลูกชอบไหม เข้ากับครูได้หรือเปล่า สภาพแวดล้อมในคลาสออนไลน์เป็นยังไง สัญญาณภาพเสียงโอเคไหม คือเราได้เห็นของจริงเลยค่ะ
ตอนให้ลูกลองเรียนฟรีนี่แหละค่ะ ที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเยอะเลย บางที่รีวิวดีมาก แต่พอให้ลูกเรียนจริงๆ ลูกกลับไม่ค่อยชอบ ไม่สนุก หรือครูอาจจะเก่ง แต่สไตล์การสอนยังไม่คลิกกับลูกเราก็มีค่ะ ในทางกลับกัน บางที่ไม่ได้ดังมาก แต่ลูกเรียนแล้วชอบมาก หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ดูมีส่วนร่วม อันนี้ก็เป็นจุดที่ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
บทสรุปและสิ่งที่ค้นพบ
สุดท้ายนะคะ ดิฉันก็เลือกที่ที่ลูกเรียนแล้วมีความสุขที่สุดค่ะ คือลูกเป็นศูนย์กลางเลยค่ะ ถึงแม้ว่าที่นั่นอาจจะไม่ใช่ที่ที่ดังที่สุด หรือถูกที่สุด แต่ถ้าลูกเรียนแล้วแฮปปี้ อยากเรียนต่อ อันนี้ดิฉันว่าสำคัญกว่าค่ะ
สิ่งที่ดิฉันค้นพบจากการลงมือหาที่เรียนให้ลูกด้วยตัวเองก็คือ:
- ไม่มีที่ไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน: มันขึ้นอยู่กับความชอบของเด็กแต่ละคน สไตล์การเรียนรู้ และความสะดวกของแต่ละครอบครัวจริงๆ ค่ะ
- การทดลองเรียนสำคัญมากๆ: อย่าเพิ่งรีบจ่ายเงินก้อนใหญ่ถ้ายังไม่ได้ให้ลูกลองเรียนก่อนค่ะ เสียเวลาหน่อยแต่คุ้มค่าค่ะ
- ฟังเสียงลูก: ถามความเห็นลูกเลยค่ะว่าเรียนแล้วเป็นยังไง ชอบไหม อยากเรียนกับครูคนนี้อีกหรือเปล่า เพราะเขาคือคนที่จะต้องเรียนค่ะ
- ข้อมูลในพันทิปใช้เป็นไกด์ไลน์ได้ดี: แต่สุดท้ายเราต้องมาคัดกรองและทดลองเองอยู่ดีค่ะ เพราะบริบทของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน
ตอนนี้ลูกสาวก็เรียนที่ที่เลือกมาได้พักใหญ่แล้วค่ะ เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น กล้าพูดภาษาอังกฤษมากขึ้นเยอะเลย แล้วก็ดูสนุกกับการเรียนด้วยค่ะ ดิฉันในฐานะแม่ก็แฮปปี้ไปด้วยเลยค่ะ หวังว่าประสบการณ์ของดิฉันจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ที่กำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ลูกๆ อยู่นะคะ สู้ๆ ค่ะ!