ตัดสินใจเรียนเพราะงานด่วนจี้หัว
ตอนนั้นเจ้านายโยนอีเมลลูกค้าต่างชาติมาให้เซ็นสัญญา ไม่รู้เลยว่าคำว่า “force majeure clause” มันคือข้อตกลงเรื่องน้ำท่วม-ไฟไหม้ พิมพ์ตอบกลับไปแบบงูๆปลาๆ ผลคือโดนลูกค้าโทรมาตะคอกใส่สาย พอกลับบ้านนอนไม่หลับเลย รู้สึกตัวเองโง่เหมือนหมาบ้า
เริ่มควักเงินซื้อคอร์สตอนตีสาม
เห็นโฆษณาในเฟซบุ๊กตอนดึกๆ เขาบอก “เรียนจบได้งานเดบิทหมื่น” เรากดสมัครทันทีเพราะทนไม่ไหวแล้ว ค่าเรียนเกือบเดือนละ 3 พัน แต่คิดว่าถ้างานพังคงเสียมากกว่านี้
- อาทิตย์แรก: ฝึกเขียนอีเมลธุรกิจ แทนที่จะเขียนว่า “Please send me the file” ครูสอนให้เขียนว่า “Kindly submit the document by EOD” (พวกคำเลื่อนหูเลื่อนตานี่แหละ)
- อาทิตย์สอง: โดนจับแชร์หน้าจอประชุมสมมุติ ตอนพูดคำว่า “quarterly report” ลิ้นพันกันเป๋ี้ยว ครูยัดเทคนิคเด็ด “พูดไม่ออกให้ยิ้มกว้างๆ แล้วบอก Let me circle back on this later”
- อาทิตย์สาม: เรียนศัพท์เงินทองแบบจัดเต็ม ROI, KPI, EBITDA ตอนแรกมึนเหมือนดูยันต์ แต่ครูให้เล่นเกมตอบคำศัพท์แข่งกับคลาส ถ้าตอบผิดโดนตัดแต้ม บังคับให้จำแม่น!
ผลลัพธ์ที่ได้เกินคาด
พอเจอลูกค้าเกาหลีทีแรก นางแบบนึงกระเด็นออกจากปาก “Our break-even point is…” นางฟิ้วเลย! ตอนพรีเซนต์เสนอราคาใหม่ใส่คำว่า “cost-effective solution” กับ “value-added service” ทีมอื่นพากันอ้าปากค้าง เดือนถัดมาเจ้านายแจกโบนัสเพิ่มให้เพราะปิดดีลสำเร็จ
เคล็ดลับเพิ่มโอกาสงานรวยที่เราใช้เอง:
- แอบอัดเสียงตัวเองตอนพูดภาษาอังกฤษแล้วเอามาฟังซ้ำ ร้องไห้ตอนแรกเพราะพูดเหมือนควายกลั้นหายใจ
- แปะโพสอิทศัพท์มือถือไว้ในห้องน้ำ ฝึกละ 3 คำทุกเช้าก่อนอึ
- เวลาแจกนามบัตรให้ฝรั่ง ต้องบีบมือแรงๆ พร้อมถามว่า “What’s your take on this?” เดี๋ยวเค้าจำเราได้!
สรุปแล้วคอร์สนี้ ไม่ใช่แค่เรียนภาษา แต่มันเหมือนได้คาถาอาคมติดตัว เวลาเจอผู้บริหารระดับสูงจะไม่ถอยหลังวิ่งหนีแล้ว แถมเดือนที่แล้วได้เลื่อนตำแหน่งเพราะพูดได้ว่า “I’ll take the lead on this initiative” แทนที่จะก้มหน้าง้อพี่บ๋อยเหมือนเก่า!