ตอนนั้นคือเพิ่งตัดสินใจอยากฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ มันเป็นช่วงที่พยายามหาว่าเราเริ่มต้นยังไงดี ที่ไหนมันเหมาะกับคนเพิ่งเริ่มแบบเรา
ลองดูหลายที่แล้วนะ เริ่มจากสมัครไปคอร์สแพงๆ ของสถาบันสอนภาษาชื่อดังใกล้ BTS ตอนแรกก็คิดว่าจ่ายแพงน่าจะเวิร์ค คิดว่าพอเสียเงินเยอะแล้วต้องตั้งใจล่ะ จ่ายไปสามหมื่นเจ็ดบวก! พอเข้าไปเรียนวันแรก นี่มันไม่ใช่เลยไอเว้ย ยัดคำศัพท์หลักสิบให้ท่องทีเดียว พอท่องไม่ทันอาจารย์ก็รีบผ่าน บรรยากาศน่ากลัวเชียวล่ะ ในกลุ่มคนอื่นเค้าเรียนมานานแล้ว ไม่กล้าถามจริงจัง ตอนสุดท้ายเลิกเรียนออกมาก็จับไข้
เคล็ดลับที่ 1: หยุดเสียเงินกับคอร์สแพง! ย้ายมาเรียนฟรีบน Youtube เลย
ยอมเสียเงินไปแล้วก็เสียใจอ่ะ เลยเปิดยูทูปดู พิมพ์หา “สอนภาษาอังกฤษพื้นฐาน ฟรี” ปรากฎว่าเจอแชแนลหนึ่ง ชื่อตามัวร์ไม่บอก แต่ผู้ชายพูดเสียงฟังชัดมาก สอนทีละประโยคช้าๆ คือค่อยเป็นค่อยไปจริงๆ ทำคลิปสั้นๆ ดูแป๊บเดียวจบ แล้วมันฟรี! เปิดดูวันละ 2-3 คลิปตอนนั่งรถเมล์ก็โอเคแล้วนะ ไม่ต้องรีบกิน ถ้าไม่เข้าใจก็ดูซ้ำได้เลย แค่นี้ก็ประหยัดไปตั้งหลายหมื่น
เคล็ดลับที่ 2: เอาตัวเองไป “แช่” ในภาษาอังกฤษให้ได้ทุกวันนิดเดียว
ก่อนหน้านี้คือไม่มีสมาธิ เปิดเพลงฝรั่งฟังก็รู้แต่ว่าฟังไปงั้น ไม่จับใจความ ตอนนี้เปลี่ยนวิธีละ คือเปลี่ยนการตั้งค่าในมือถือให้เป็นภาษาอังกฤษก่อนเลย มันเริ่มจากง่ายๆ อ่ะ เวลาเปิดแอปอะไรก็ได้ จะเจอคำเล็กๆ น้อยๆ บอกว่าปุ่มนี้ทำอะไร ใช้ไปซักพักสมองก็เริ่มจำได้เองว่า save ก็คือบันทึกนั่นแหละ ทำแบบนี้ทุกวัน พอเจอคำพวกนี้ในคลิปสอนภาษาก็รู้สึกว่า “เฮ้ย เคยเห็นตรงนี้!” มันก็จำง่ายขึ้นนะ
เคล็ดลับที่ 3: ฟังเพลงฝรั่ง + คาราโอเกะคำแปล
ทีนี้ช่วงที่เบื่อๆ ไม่มีอารมณ์เปิดคลิปสอนภาษา ก็เอาทริคนี้มาใช้ หาเพลงฝรั่งที่ฟังแล้วรู้สึกเพราะๆ ซักเพลง นั่งเปิดฟังไปด้วย เปิดคำแปลไปด้วยแบบคาราโอเกะ แล้วพยายามร้องตามเลยแหละ คือก็ไม่ได้ร้องเพราะอะไรหรอก แค่พยายามให้เสียงมันเลียนเค้าให้ได้ (ร้องอยู่ในห้องคนเดียวก็ไม่เห็นใคร) จับจังหวะคำที่เค้าออกเสียงอะไรประมาณนั้น วิธีนี้ทำให้ฮึกเหิมมากเวลาเริ่มฟังออกว่าบางเพลงมันไม่ได้ยากเลย
เคล็ดลับที่ 4: พูดกับตัวเองในกระจก หรือคุยกับน้องหมา
ตอนแรกรู้สึกเว่อร์อ่ะ ต้องพูดกับตัวเองเนี่ยนะ? แต่เอาเข้าจริงคือมันจำเป็นสุดๆ เพราะไม่ได้เจอฝรั่งทุกวันหรอก เริ่มจากคำง่ายๆ ล่ะกัน เห็นกระจกในห้องน้ำก็รอดูตัวเองแล้วถามง่ายๆ ว่า “What you do today?” หรือเห็นหมาน้อยมานั่งหางสะบัดก็ทักเค้าไปว่า “Hey boy! Hungry?” ออกเสียงมาดังๆ เลย ไม่ต้องคิดว่าแอ๊บแบ้ว แรกๆ มันก็แปลกๆ แต่หลังๆ มันชิน แล้วก็เริ่มพูดประโยคยาวขึ้นเรื่อยๆ แถมไม่เคอะเขินเวลาพูดกับคนจริงๆ
เคล็ดลับที่ 5: ตั้งเป้าโง่ๆ แต่พอเป็นไปได้
ก่อนหน้านี้ชอบตั้งเป้าว่าต้องพูดได้ใน 3 เดือน! มันล้มเหลวทุกที ตอนนี้เลยเปลี่ยนใจ ตั้งเป้าที่เล็กกว่าแต่ทำได้จริง อย่างเช่นอาทิตย์นี้คือต้องจำวิธีการใช้ verb to be ให้ได้แค่นี้ แล้วก็หาเวลานั่งว่างๆ คุยกับตัวเองให้ได้วันละ 5-10 นาที ลองดูแล้วคือมันเวิร์คมาก อย่าฝันว่าเร็วเดือนเราจะเป๊ะเหมือนคนเค้าเรียนมาสิบปี พอทำเป้าเล็กๆ สำเร็จทีละอย่าง มันก็ฮึดขึ้นมาจริงๆ นะ เลยเป็นกำลังใจให้ทำต่อไป
สรุปสั้นๆ: เรียนภาษาอะไรก็ตามไม่ต้องไปสมทนเสียเงินกับที่ไหนหรอก ถ้าพื้นฐานไม่แน่น เราต้องเริ่มจากตัวเองก่อน หมั่นฝึกฟัง-พูดง่ายๆ ทุกวัน ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเครียด มันจะค่อยๆ ซึมซับไปเองแหละ ที่สำคัญคือหาวิธีที่เราไม่ท้อซะก่อนนะ 😅