เริ่มจากบอกตรงๆว่าแต่ก่อนฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแกรมม่าพื้นฐานถึงจำเป็นนัก ก็นะมันดูเป็นเรื่องเล็กๆ แค่อักษร คำศัพท์ ประโยคง่ายๆนี่แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง ลองไปอ่านตำราพวกนั้นทีไรก็รู้สึกปวดหัวทุกที
จุดเปลี่ยนที่มีขึ้น
วันนึงไปสั่งก๋วยเตี๋ยวร้านดังๆ ชอบเอาพูดว่าอยากได้เส้นเล็กแห้งไม่ใส่ผัก ปรากฎว่างงกันใหญ่เพราะพูดแบบนี้
“ขอเส้นเล็กแห้ง ไม่เอาผัก”
แม่ค้าทำหน้าบึ้งถามกลับมาว่า “จะไม่เอาผัก? หรือไม่เอาผักชิ้นใหญ่?” อ้าวเฮ้ย! นี่แหละปัญหาเพราะเราลืมใช้คำช่วย “เลย” เลยต้องรีบแก้ตัวใหม่ทันที:
- “ขอเส้นเล็กแห้ง ไม่ใส่ผักเลย ครับ”
แค่นี้แม่ค้ายิ้มกว้างเข้าใจทันที! แถมยังยอมให้เพิ่มน้ำซุปฟรีด้วยนะ โอ้โห… นี่ขนาดแค่คำช่วยเดียวยังเปลี่ยนสถานะจากคนงงๆเป็นลูกค้าขาประจำได้เลย
สิ่งที่ทดลองต่อมา
เลยทดลองเอาแกรมม่าไปใช้กับพวกป้ายสาธารณะบ้าง ไปเจอป้ายนึงเขียนว่า:
“ห้ามจอดทุกวันอาทิตย์”
แต่ถ้าเพิ่ม“นะครับ”เข้าไปกลายเป็น “วันอาทิตย์นะครับห้ามจอด” ทีนี้พนักงานเขาอารมณ์ดีขึ้นเห็นได้ชัด แม้จะทำผิดกฎแต่ยังยิ้มให้เลย
ความจริงที่รู้สึกได้ด้วยตัวเอง
ทุกวันนี้ถึงเข้าใจแล้วว่า:
- แกรมม่าไม่ใช่แค่กฎเกณฑ์น่าเบื่อ
- มันคือเครื่องมือประคองความหมาย
- ช่วยไม่ให้คนฟังเขาตีความไปคนละทาง
- ทำให้เราดูน่าเชื่อถือขึ้นในสายตาเขา
ขนาดเกาหลีใต้ยังทุ่มงบหลายหมื่นล้านบาทไปสอนพนง.ให้ใช้คำช่วย“ครับ/คะ”ให้ถูกต้อง เพื่อเพิ่มยอดขายเลยนะ! แล้วเราจะมองข้ามแกรมม่าไปได้ยังไง?
สรุปสั้นๆว่า: พื้นฐานนี่แหละที่ทำให้เราไม่เป๋ ถ้าไม่เชื่อล่ะก็… ลองไปสั่งก๋วยเตี๋ยวโดยไม่ใช้คำช่วยดูสิ รับรองโดนถามย้อนจนมึนตึบ! 😅