เจอกันอีกแล้วนะทุกคน วันนี้จะมาเล่าเรื่องบ้าบอของตัวเองให้ฟัง เกี่ยวกับการยัดศัพท์อังกฤษ 200 คำเข้าหัวนี่แหละ
จุดเริ่มต้นคือภรรยาบ่นไม่หยุด
เมื่ออาทิตย์ก่อน ภรรยาฉันนั่งดูซีรีย์ฝรั่งแล้วบ่นพึมพำว่า “ทำไมมึงถึงใช้แต่คำว่า ‘put’ กับ ‘take’ นะ” มันด่าใส่หน้าฉันเลยนะ โคตรอายเลยเนี่ย ทั้งๆ ที่เคยเรียนมานานแล้ว แต่พอเจอฝรั่งตัวเป็นๆ กลับพูดได้แค่ “hello” กับ “thank you”
เลยตัดสินใจลุยเดี่ยว เริ่มจากงมหาหนังสือเก่าในตู้ บางเล่มขึ้นราขาวเลยนะ แต่เล่มหนึ่งเขียนว่า “200 คำพื้นฐานภาษาอังกฤษ” ทำตาลุกวาว! คิดว่านี่แหละทางรอด
เจอปัญหาโคตรใหญ่ตอนลงมือทำ
พอดึงหนังสือออกมาเจอปัญหาทันที:
- ปวดหัวกว่าเก่าด้วยคำศัพท์โบราณแบบ “blacksmith” (ช่างตีเหล็ก) ใครยังใช้คำนี้บ้างฟะ
- มีแต่ศัพท์ไม่รู้จักแบบ “sycamore” (ต้นมะเดื่อ) พบกันแค่ในพจนานุกรม
- คำศัพท์เบสิกมากๆ อย่าง “and” กับ “the” นี่เอาไปใช้อะไรล่ะ
เลยกระโดดหาข้อมูลใหม่ในเน็ต พิมพ์ค้นว่า “ศัพท์อังกฤษที่คนไทยใช้บ่อย” แล้วเจอบทความนึงบอกว่า “ศัพท์ 200 คำนี้เอาไปใช้ชีวิตประจำวัน 80% ได้เลย” ตาเป็นสัญญาณกันทันที
จัดระเบียบตัวเองใหม่หมด
ใช้วิธีลอกศัพท์มาใส่กระดาษ A4 แล้วทากาวติดฝาผนังห้องน้ำเลย บอกตัวเองว่า “วันนี้ต้องจำได้ 20 คำ” แต่แรกๆ จำได้แค่วันละ 5 คำเองนะ แถมตอนเช้ายืนแปรงฟันยังลืมว่า “address” แปลว่าอะไรอีก
จุดเปลี่ยนสำคัญคือตอนพยายามท่อง “development” แล้วดันสะกดเป็น “develpoment” ตลอดเลย หันมาใช้วิธีใหม่:
- ตัดคำนามยากๆ ออกครึ่งนึง เช่น “apparatus” (เครื่องมือเชิงเทคนิค)
- เน้นกริยาสำคัญที่ใช้ประจำ เช่น “adjust” (ปรับ), “attach” (ติด), “browse” (เลื่อนดู)
- เลือกแค่คำเชื่อมที่ใช้บ่อย เช่น “unless” (เว้นแต่), “whereas” (ในทางตรงกันข้าม)
สุดท้ายก็ได้คัมภีร์ฉบับกระเป๋า
พอลิสต์ศัพท์ใหม่เหลือแค่ 168 คำ (ไม่ครบ 200 หรอก) แต่รู้สึกว่า โอเคพอ ได้เห็นผลครั้งแรกตอนสั่งกาแฟที่ร้านฝรั่ง ทดลองพูดประโยค “Please adjust the sweetness” (ช่วยปรับความหว�ด้วย) พนักงานพยักหน้าหงึกๆ ไม่ถามกลับด้วยนะ!
สุดท้ายภรรยาเอาไปลองใช้ตอนซื้อของออนไลน์ ตะโกนออกมาจากห้องว่า “มันมีศัพท์ว่า ‘refund’ (คืนเงิน) นี่เอง นึกว่าเว็บหลอก!” น้ำตาจะไหลเพราะเราเคยนั่งชี้ให้ดูแถวนี้ตั้งหลายรอบ มันมองข้ามตลอดเลยโว้ย!
ตอนนี้แฟลชการ์ดฉบับพกพา 168 คำ กลายเป็นของคู่กายแล้ว แม้แต่ตอนนั่งรอรถเมล์ยังหยิบมาดูบ้าง รู้มั้ย? คำว่า “cupid” (กามเทพ) ที่โดนตัดไป ปรากฏว่าครูสอนพิเศษหลานเอามาเขียนลงจดหมายรักให้แฟน ตอนนัดเจอครั้งแรก…