จัดคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวยังไงให้ตรงใจ 3 เทคนิคออกแบบบทเรียน

0
5

ก็เริ่มจากที่ผมลองรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแล้วมันไม่เวิร์กเลย เหมือนดันผูกมัดตัวเองกับตารางสอนแบบเคร่งครัด แถมเด็กนักเรียนเบื่อหงายหลังเพราะบทเรียนมันน่าเบื่อ ขนาดพยายามเปิดเพลงภาษาอังกฤษให้ฟังยังไม่ง่ายเหมือนคิด

ลงมือออกแบบบทเรียนใหม่ด้วยตัวเอง

เอาล่ะนั่งจิบกาแฟพลางๆ ถกกับตัวเองว่าเราจะออกแบบคอร์สยังไงให้เด็กมันรู้สึกว่า “แม่เจ้า นี่มันคือของโปรดฉันเลย!”:

  • เทคนิคแรก: เก็บข้อมูลดิบก่อนสอน ถามเด็กตรงปากว่าอยากได้อะไรบ้าง ไม่ต้องเกรงใจ แล้วจะพบความจริงวุ่นวาย เด็กม.ต้นบางคนอยากเก่งแชทกับฝรั่ง เด็กมหาลัยอยากเขียนเมลล์สมัครงาน ส่วนพนักงานออฟฟิศบางคนน่ะ ต้องการแค่เอาตัวรอดเวลาเจ้านายพูดลอยๆ ภาษากษัตริย์
  • เทคนิคสอง: บีบหัวข้อให้เล็กลงเหมือนเด็ดยอดมะระ จากที่วางแผนสอนทั้งหมดในสมุด สุดท้ายเลือกแค่สองสามเรื่องสำคัญจริงๆ เด็กอยากสอบสัมภาษณ์งาน? ก็จับซ้อมเฉพาะการแนะนำตัวกับตอบคำถามคาใจเจ้านายซ้ำๆ เป็นสิบคาบ
  • เทคนิคสาม: ไม่ปล่อยให้สมุดวางเฉย ทดสอบด้วยการกดเวลาให้ทำกิจกรรม เหมือนตอนเล่นเกมต้องวิ่งหนีบอสก่อนหมดเวลา พอบังคับให้เด็กลงมือทำทันที มันก็เห็นผลชัดกว่าการยัดไส้ทฤษฎีเป็นกำมือ

เจอปัญหาพันท้ายๆ

ทำเอาร้องยี้เลยตอนเจอบางคลาสที่เด็กจู่ๆ ก็เผลอถอยหนี หายตัวไปเหมือนปลาหมึกหล่นรู สืบทราบทีหลังว่าคนมันเครียดจนทนไม่ไหวเพราะตั้งเป้าไว้สูงเกิน บางทียุ่งเป็นไฟตอนต้องผลิตเอกสารเฉพาะคน แถมมีนัดแล้วทิ้งกลางคันก็แฮปปี้เหมือนกินฟรี

ก็เลยปรับท่าใหม่ ก่อนเริ่มสอนก็ถามเด็กตัวต่อตัวอีกทีว่า “ตั้งเป้าว่าอยากได้อะไร เรียนไปทำไม” พอบอกแค่ส่งงานบริษัทเสร็จชิลล์ๆ ก็โล่งใจ ไม่ต้องเสียเวลายัดแกรมม่าจนหัวหมุน เพิ่มจับคู่ทำกิจกรรม เน้นหาสื่อที่คนมันชอบจริงๆ ของมัน เช่น คนติดดราม่าเกาหลีก็หยิบยกตัวอย่างจากซีรีย์ ปรับไปเรื่อยๆ จนได้บทเรียนที่พอดีตัว เหมือนเอากางเกงไปรีดตามสัดส่วนเด็กนั่นแหละ