เหตุผลที่ต้องหาที่เรียนพิเศษ
สัปดาห์ที่แล้วเจอฝรั่งหลงทางถามทาง ตอนจะอธิบายกลับพูดติดขัดเหมือนปลาติดอวน ตอนนั้นนี่มันเสียหน้าโคตรๆ เลยคิดว่าไม่เรียนเพิ่มเดี๋ยวเจอสถานการณ์แบบนี้อีก พอมานั่งนึกๆ ดูก็พึ่งตื่นว่าภาษาอังกฤษมันจำเป็นแล้วตอนนี้
เริ่มตามหาสถาบัน
ช่วงแรกก็งงมากไม่รู้จะเริ่มยังไง กดเสิร์ชกูเกิลเห็นสถาบันผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด อันแรกที่ลองไปดูเป็นคอร์สออนไลน์ชื่อดัง คลิปวีดีโอน่าเรียนแต่พอดูราคาปาเข้าไปหมื่นกว่าบาท นี่มันราคามือถือใหม่เครื่องนึงเลยนะเว้ย!
ตัดสินใจลุยโทรตามสาขาต่างๆ ในกรุงเทพ บางที่รีเควสต์ให้ทดลองเรียนฟรีก่อน:
- ที่แรก อาจารย์ฝรั่งเสียงดังเปรี๊ยะ แถมเรียนจบให้การบ้านหนักกว่าแบกกระสอบข้าว
- ที่สอง ระบบสอนเหมารวม ห้องเรียนเบียดเสียดเหมือนขึ้น BTS ยามเช้า
- ที่สาม ออกแบบหลักสูตรเฉพาะคน แต่พอได้ราคามือสั่น หลักสูตรละสามหมื่น!
ช่วงเวลาโม้มหายนะ
ทนไม่ไหวเลยหันไปหาเพื่อนที่คะแนนโทอิคสูงปรี๊ด “มึงเรียนที่ไหนวะ?” เพื่อนมันพัดมาเบอร์ติวเตอร์รายตัวคนนึง บอกว่าเป็นอดีตแอร์โฮสเตสเก่งไวยากรณ์มาก กดโทรไปคุยราคาก่อน เจ๊เค้ารับสอนชั่วโมงละ 400 ตกลงจองคอร์ส 20 ชั่วโมงทันที
วันแรกเจอตัวติวเตอร์ นี่เค้าไม่เล่นมุกสอนแต่ไวยากรณ์แห้งๆ นะ สถานการณ์จริงที่พังตลอดคือ การเอาไปใช้ไม่เป็น เจ๊เลยเน้นให้ซ้อมพูดผ่านเคสเหมือนโรงงานฝึกงาน:
- การซื้อตั๋วเครื่องบิน
- โต้ตอบเมลบริษัทต่างชาติ
- การคุยกับแฟนฝรั่งตอนไปเที่ยวด้วยกัน (อันนี้มันของแถม!)
ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
หลังเรียนครบ 20 ชม. ปิดคอร์สด้วยการสอบวัดระดับ ปรากฏว่าได้คะแนนเพิ่ม 40% จากเดิม แถมวันก่อนเจอหมีฝรั่งอีกครั้ง คราวนี้สามารถชี้ทางไปร้านข้าวมันไก่ได้แบบไม่ติดขัด สิ่งที่เห็นชัดๆ เลย:
- เดาเกมมารยาทฝรั่งถูกขึ้นเยอะ เช่น รู้ว่าตอนควรพูด “excuse me” หรือ “sorry”
- เวลาคุยงานกับทีมต่างชาติเสียงไม่สั่นเหมือนก่อน
- ได้แฟนเป็นไกด์ท่องเที่ยว (อันนี้พลิกโผสุดๆ!)
สรุปทางลัดที่เวิร์ค
สำหรับคนกำลังมองหาที่เรียน ผมฟันธงว่าให้หา ติวเตอร์รายตัว ที่สไตล์การสอนตรงจุดอ่อนเราเน้นๆ แม้จะไม่มีชื่อเสียงหวือหวาแต่แก้ปัญหาได้ตรงจุด ส่วนสถาบันใหญ่ๆ ส่วนมากสอนแบบเหมาจ่ายแต่เราจริงๆ ต้องการแค่ส่วนเดียว
ตอนนี้มีฝรั่งถามทางทีไรนึกขำๆ ในใจได้เลยว่า “โถ่เอ้ย เมื่อก่อนเรายังกลัวมึงเลยนะ”