เรียนภาษาจีนออนไลน์ 51Talk กับ Palfish ที่ไหนเหมาะกับคุณ?

0
6

เอาล่ะ มาแชร์ประสบการณ์ตรงจากที่เคยลองทำ 51talk กับ Palfish นะทุกคน!

คือเรื่องมันเริ่มจากช่วงที่อยากหารายได้เสริมแบบจริงจังไง แล้วก็เห็นว่ามีหลายคนรีวิวพวกสอนภาษาออนไลน์เยอะมาก เลยลองศึกษาดู ตอนแรกก็ลังเลว่าจะไปทางไหนดี ระหว่าง 51talk กับ Palfish เพราะเห็นว่าสองเจ้านี้ค่อนข้างดังในตลาดคนจีน

เริ่มต้นที่ 51talk ก่อนเลย!

ตอนสมัคร 51talk คือกรอกข้อมูลเยอะมากกกกกกกก แล้วก็ต้องทำเดโมสอนด้วย ซึ่งตอนนั้นคือตื่นเต้นสุดๆ เตรียมสคริปต์ไปอย่างดี พอถึงเวลาจริงคือพูดติดๆ ขัดๆ ไปหมดเลย (อายมาก 555) แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด สุดท้ายก็ผ่านนะ แต่เค้าจะมีการเทรนนิ่งอะไรต่างๆ อีกเยอะแยะเลย ต้องเรียนรู้วิธีการใช้แพลตฟอร์ม เคล็ดลับการสอนเด็ก บลาๆๆๆ คือละเอียดมาก

  • สมัคร: กรอกข้อมูลส่วนตัว, อัพโหลดเอกสาร (วุฒิ, ใบรับรอง), ทำวิดีโอแนะนำตัวเอง
  • Demo Lesson: สอนจริงให้ทีมงานดู, เตรียมสคริปต์, ฝึกพูดให้คล่อง
  • Training: เรียนรู้วิธีใช้แพลตฟอร์ม, เทคนิคการสอนเด็ก, กฎระเบียบต่างๆ

พอได้เริ่มสอนจริง ก็เจอปัญหาเลย! คือเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กมากกกกกกกก (แบบ 4-5 ขวบ) แล้วคือต้องใช้พลังงานเยอะมากในการดึงความสนใจเค้าอ่ะ ต้องร้องเพลง เล่นเกม ทำทุกวิถีทางให้เค้าไม่เบื่อ แล้วคือต้องพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะๆ ด้วยนะ (อันนี้แอบยากสำหรับเรา 555)

สอนไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่ เพราะเราไม่ค่อยถนัดสอนเด็กเล็ก แล้วก็รู้สึกว่าตารางสอนมันค่อนข้างยืดหยุ่นน้อย ต้องรอให้เค้าจองคลาสถึงจะรู้ว่าวันไหนได้สอนบ้าง

ต่อมาก็เลยลอง Palfish!

Palfish นี่ขั้นตอนการสมัครจะง่ายกว่า 51talk เยอะเลย ไม่ต้องทำเดโมอะไรมากมาย แค่อัพโหลดรูปโปรไฟล์ แล้วก็เขียนแนะนำตัวเองสั้นๆ ก็พอ แล้วก็ต้องสอบวัดระดับภาษาอังกฤษด้วยนะ แต่ไม่ยากมาก

  • สมัคร: อัพโหลดรูปโปรไฟล์, เขียนแนะนำตัวเอง, สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ
  • เปิดคอร์ส: สร้างคอร์สเรียนของตัวเอง, กำหนดราคา, โปรโมทตัวเอง

Palfish จะให้อิสระในการสร้างคอร์สเรียนของตัวเองมากกว่า เราสามารถกำหนดราคา กำหนดเนื้อหาที่จะสอนได้เองเลย แล้วก็สามารถสอนเด็กโต หรือสอนผู้ใหญ่ก็ได้ (อันนี้คือชอบมาก!) เพราะเราถนัดสอนคนที่โตหน่อยมากกว่า

พอได้ลองสอน Palfish ก็รู้สึกว่ามันตอบโจทย์เรามากกว่านะ เพราะเราสามารถเลือกสอนในสิ่งที่เราถนัดได้ แล้วก็สามารถจัดตารางสอนได้เองด้วย แต่ข้อเสียของ Palfish คือต้องขยันโปรโมทตัวเองมากๆ ต้องสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ดึงดูดให้คนมาเรียนกับเรา

สรุปแล้ว…

ทั้ง 51talk กับ Palfish ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบแบบไหนมากกว่า ถ้าใครชอบสอนเด็กเล็กๆ แล้วก็อยากมีตารางสอนที่แน่นอน 51talk ก็อาจจะเหมาะกว่า แต่ถ้าใครอยากมีอิสระในการสอน อยากกำหนดราคาเอง อยากสอนในสิ่งที่ตัวเองถนัด Palfish ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่า การสอนภาษาออนไลน์มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะ ต้องมีความอดทน ต้องมีความขยัน ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แต่ถ้าเราตั้งใจจริง เราก็จะสามารถหารายได้เสริมจากตรงนี้ได้แน่นอน!

ข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ จากประสบการณ์

  • เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มสอน: ศึกษาเนื้อหาที่จะสอน, เตรียมสื่อการสอน, ฝึกพูดให้คล่อง
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียน: จำชื่อนักเรียน, ถามสารทุกข์สุกดิบ, ให้กำลังใจ
  • พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ: เรียนรู้เทคนิคการสอนใหม่ๆ, ฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น, สร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ

หวังว่าประสบการณ์ที่แชร์ไปวันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังสนใจอยากหารายได้เสริมจากการสอนภาษาออนไลน์นะ!