เลือกที่เรียน วิชา ใน โรงเรียน ภาษา อังกฤษ แบบไหนดี? ค้นหาโรงเรียนเด่นใกล้คุณ!

0
3

เรื่องของเราวันนี้มันเริ่มจากนั่งคิดเองอ่ะ ว่าอยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม แต่ไม่รู้จะเลือกยังไง เจอโรงเรียนสอนภาษาเพียบเลยมันตาลาย มองไม่เห็นว่าที่ไหนดีจริงๆ ก็เลยเอาจริงเอาจังตั้งกฎให้ตัวเองก่อนว่าต้องเริ่มยังไงบ้าง

ขั้นแรก สำรวจตัวเองก่อน

เราก็หยิบกระดาษกับปากกามานั่งแจกแจงเลยอ่ะ ว่าจริงๆ เป้าหมาย เราคืออะไร:

  • สอบถามด่วน: เอาคะแนนสอบไปใช้ทำงาน หรือว่าเอาสำหรับใช้พูดคุยในชีวิตประจำวัน?
  • อยากเน้นทักษะไหน: พูดกล้าๆ? หรือเขียนอีเมล์ให้เป๊ะ? หรือว่าแกรมม่าแตกฉาน?
  • เวลาเราเป็นยังไง: นัดได้เสาร์-อาทิตย์ไหม หรือต้องเลิกงานแล้วเข้าเรียนต่อได้?
  • เรื่องเงินนี่สำคัญ: งบประมาณเราเท่าไหร่ ไม่ใช่มโนแล้วทนไม่ไหวกลางคัน

นั่งไล่ทีละข้อเขียนใส่กระดาษ เห็นภาพชัดขึ้นมาก เป้าหมายเราเน้นพูดให้คล่องใช้ทำงาน และต้องเรียนหลังเลิกงานได้ งบก็ต้องไม่บานปลาย

ขั้นที่สอง มองหาโรงเรียนใกล้ตัวแบบล่าคลาส

คราวนี้ถึงขั้นลงมือ เซิร์ชเกมเปรี้ยง! ไม่ได้เล่นๆ แล้ว เรายกมือถือขึ้นมา:

  • เสิร์ช Google แบบเจาะจง: “โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ” + ย่านที่เราอยู่ บวกกับ “ค่ำ” หรือ “เสาร์อาทิตย์” เพิ่มเข้าไป กลั่นกรองตรงเป้า ไม่เอาไกลไม่อยากเสียเวลาเดินทาง
  • ตามสาขาเดิมก็เช็กดู: ผ่านทางเว็บ บางโรงเรียนมีแคมปัสย่อยในห้าง แบบเน้นเรียนช่วงเย็นเข้าได้ สะดวกโคตร
  • ล้วงรีวิว แค่ใน GooGle Map ไม่พอ ขยายไปดูเฟสกลุ่มลูกศิษย์เก่า ชื่อโรงเรียนจริงไม่กล้าเอ่ยแต่บอกได้ว่า เจอหลุมลวง 5 แห่ง ที่รีวิวยัดเยียดน้ำมาก เราไม่เชื่อรีวิวหน้าเว็บที่มันดีเป๊ะแป๊ะเว่อร์

พอนั่งเซิร์ชไปสักพัก มันเริ่มแว๊บขึ้นมาเลยอ่ะ ว่าปัญหาคือข้อมูลมันท่วม ต้องรีดเอาของแท้

ขั้นที่สาม ขุดลึกลงไปที่เดี่ยว (สเปค) จริงๆ

ลิสต์รายชื่อโรงเรียนมาได้พักนึงก็ไม่ไว้ใจ รีวิวมันซ่อนเร้นเยอะ เลยต้องโทรติดต่อไปถามโรงเรียนด้วยตัวเองโดยตรง:

  • ถามหลักสูตรเข้าง่านๆ: ไม่ใช่แค่ชื่อเท่ๆ แต่ต้องรู้ว่า เน้นเรียนอะไร จริง ในหนึ่งคาบทำกิจกรรมอะไรบ้าง? มีพูดคุยให้กล้าจริงไหมหรือว่าอัดแกรมม่าเป๊ะ?
  • ครูผู้สอนสต๊าฟตรงไหน: สำคัญมาก! ถามให้ชัดว่าครูไทย สอนเป็นยังไง ต่างชาติ จริงไหม สำเนียงฟังยากหรือเปล่า เปลี่ยนครูบ่อยหรือป่าวนี่ต้องเคลียร์
  • ขนาดห้องเรียน: ไม่เอาห้องใหญ่! ต้องถามให้รู้ว่าครั้งละกี่คน หากันมาบางทีมัน 20-30 คน เราก็อู้ว์ เรียนไม่ได้หรอกถ้าเยอะขนาดนั้น ไม่กล้าพูดแน่ๆ
  • หาคอร์สทดลอง: มีหลายที่เขาใจดี ให้มาเรียนดูก่อนสักชั่วโมง ฟรี! ถ้าไม่ได้ฟรีก็ซื้อคลาสสั้นๆ ทดลองก่อนก็คุ้ม ดีกว่ารู้ตัวทีหลังเหมือนเงินทิ้งขว้าง

บางที่ ออกมาขอรับพอโทรไปแล้วฟังคำตอบมันคุยเว่อร์น้ำไหลไฟดับ ราคาดันสูงลิ่วด้วย เราขีดชื่อออกทันที ดีไม่ดีหลอกขายของ

ขั้นสุดท้าย จับตัวใส่สนามจริง

หลังจากโทรไปมาหมด พอมีลิสต์รอดมาสองสามชื่อ เราก็ไปที่มัน เดินดมกลิ่นดูรสชาติจริง บางทีมันออฟไลน์แล้วรู้เลยว่าบรรยากาศไม่ใช่ เราต้องการเรียนแบบสบายๆ ไม่ใช่ห้องอัดแอร์ตู้มืดทึบอึดอัด:

  • ไปดูสถานที่ด้วยตาตัวเอง: ห้องสะอาดไหม? มีอุปกรณ์ครบไหม? โต๊ะเก้าอี้ นั่งแล้วไหล่จะติดกันรึเปล่า? สภาพร้านดูเข้าท่าอยู่ไหม? พนักงานต้อนรับทักทายดีไม๊?
  • สมัครทดลองเรียนจริง: เราจองไปเรียนทดลองสองที่เลยอ่ะ ที่แรกรู้สึก ครูสอนไว กระโชกโฮกฮากเกินไป ไม่ทันตั้งตัว ที่สองรู้สึกโห นี่ไง! ครูคนไทยแต่อธิบายชัดเจน เน้นยิ้มแย้มให้กล้าพูด ไม่กดดัน มีกิจกรรมในห้องให้ทำ ไม่น่าเบื่อ ได้พูดจริงเยอะพอสมควร ทั้งๆ ที่เวลาจำกัดแค่ชั่วโมงนึง
  • ถกเรื่องงบให้สุด: เรียนจบคอร์สแล้ว ต่อยอดได้ไหม? มีส่วนลดสมัครคู่หรือกลุ่มมั้ย? เล่นเอาบางที่ไปนั่งคิดแล้วตัดสินใจไม่ลงตัวทันที เดินกลับมาคิดก่อนไม่เสียหลาย

สรุปสั้นๆ ว่าเราเลือกยังไง

แกะจนเห็นเนื้อ เลือกโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านที่เราอยู่ จบมาแล้ว ตัวเล็กจริงๆ ไม่ดังเหมือนเจ้าพ่อแบรนด์เนม แต่การเรียนแบบห้องไม่เกิน 10 คน ค่าเทอมไม่ได้แรงจักรพรรดิ เน้นพูดคุยเป็นกันเอง ครูคนไทยใจดีแต่ไม่ปรานี แก้ไขการพูดเราได้ตรงจุด และสำคัญคือเดินทางไม่ไกล ไม่ท้อก่อนไปเรียน สวยงามแล้ว

ประสบการณ์ตรงเลยบอกได้ว่า ไม่ต้องรีบคลิกสมัครเพราะแพคเกจสวย แต่ดูให้ลึกว่าเป้าหมายเรา อุปสรรคชีวิตเรา มันเข้ากันได้หรือเปล่า ลองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันช่วยกรองความลังเลและหลุมเงินรั่วได้เยอะเลยจริงๆ!