ให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี pantip 2567 เลือกไม่ถูก? เช็ก 5 ปัจจัยสำคัญเลย

0
10

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยเรื่องที่คิดว่าพ่อแม่หลายคนน่าจะปวดหัวกันไม่น้อย นั่นก็คือเรื่อง “ให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี” โดยเฉพาะในปี 2567 นี้ ที่ตัวเลือกมันเยอะซะเหลือเกินนนน!

ตอนแรกเลยนะ ที่เริ่มคิดว่าต้องให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษเสริมแล้วล่ะ เพราะเห็นใครๆ เขาก็ให้ลูกเรียนกันหมด อนาคตมันต้องใช้แน่นอน ก็เลยเริ่มจากการง่ายๆ เลยค่ะ เปิดพันทิปนี่แหละ! พิมพ์ไปเลย “เรียนภาษาอังกฤษ อนุบาล pantip” “เรียนภาษาอังกฤษ ประถม ที่ไหนดี 2567” อะไรทำนองนี้

โอ้โห! ข้อมูลขึ้นมาเพียบ เยอะจนตาลายไปหมด มีทั้งแบบโรงเรียนสอนภาษาโดยตรง สถาบันใหญ่ๆ ที่มีหลายสาขา โรงเรียนเล็กๆ แถวบ้าน ครูฝรั่ง ครูไทย เรียนกลุ่มเล็ก เรียนตัวต่อตัว เรียนออนไลน์ก็ยังมี คือมันเยอะมากจริงๆ ค่ะ อ่านรีวิว อ่านกระทู้ถามตอบ วนไปวนมาอยู่หลายวันเลย

สิ่งที่ฉันเริ่มทำต่อจากนั้นคือการตั้งสติค่ะ! คือข้อมูลมันเยอะก็จริง แต่เราต้องกลับมาดูที่ลูกเราเป็นหลัก แล้วก็ดูความสะดวกของเราด้วย ไม่ใช่ว่าใครว่าดีก็แห่ตามไปหมด ฉันก็เลยเริ่มลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ เลยว่าอยากได้แบบไหน

  • ใกล้บ้านหรือเดินทางสะดวก: อันนี้สำคัญมากสำหรับฉัน เพราะไม่อยากให้ลูกเหนื่อยเดินทาง แล้วแม่ก็ไม่เหนื่อยด้วย วิน-วินทั้งคู่
  • เน้นเรียนสนุก ไม่เครียด: ลูกยังเล็ก อยากให้เค้าซึมซับภาษาแบบไม่รู้สึกว่าถูกบังคับเรียน ถ้าเริ่มแบบสนุกๆ เค้าจะอยากไปเอง
  • จำนวนเด็กต่อห้องไม่เยอะเกินไป: อยากให้ครูดูแลได้ทั่วถึง ลูกเรามีส่วนร่วมจริงๆ
  • ค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล: อันนี้ก็ต้องดูตามงบประมาณที่เราไหวด้วยค่ะ
  • ดูรีวิวจากผู้ปกครองคนอื่นประกอบ: แต่ก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมดนะคะ เอาไว้เป็นแนวทางเฉยๆ

ลงพื้นที่สำรวจจริงจัง

พอได้ลิสต์คร่าวๆ แล้ว คราวนี้ก็เริ่มลงมือปฏิบัติการเลยค่ะ โทรไปสอบถามตามสถาบันที่สนใจ บางที่ก็เข้าไปดูสถานที่จริงเลย ขอดูห้องเรียน หลักสูตรคร่าวๆ คุยกับเจ้าหน้าที่ หรือถ้ามีโอกาสได้คุยกับคุณครูผู้สอนก็จะดีมาก

ฉันไปดูมาประมาณ 3-4 ที่ได้ค่ะ แต่ละที่ก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป บางที่ดูวิชาการมากกกก กลัวลูกจะเบื่อ บางที่ดูเล่นเยอะไปหน่อย กลัวจะไม่ค่อยได้อะไร (ฮ่าๆ แม่ก็คิดเยอะ) ที่สำคัญเลยคือฉันจะสังเกตปฏิกิริยาของลูกตอนพาไปดูสถานที่ด้วย ว่าเขาสนใจไหม ดูตื่นเต้นหรือเปล่า

มีอยู่สถาบันนึงที่แถวบ้านเลย ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังมาก แต่พอไปถึงปุ๊บ บรรยากาศมันดูอบอุ่นดีค่ะ ห้องเรียนสีสันสดใส คุณครูดูใจดี ยิ้มแย้ม ชวนคุยกับลูกเรา เค้ามีให้ทดลองเรียนด้วยนะ ฉันก็เลยให้ลูกลองดู ปรากฏว่าลูกดูสนุกมาก หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเลย มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ไม่ได้นั่งท่องศัพท์อย่างเดียว

การตัดสินใจสุดท้ายของฉัน

หลังจากที่ตระเวนดู ลองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และที่สำคัญที่สุดคือดูลูกเราเป็นหลัก สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจเลือกสถาบันแถวบ้านที่ลูกไปทดลองเรียนแล้วชอบนั่นแหละค่ะ ถึงแม้จะไม่ใช่สถาบันที่ดังที่สุด หรือมีคนรีวิวในพันทิปเยอะที่สุด แต่ฉันเห็นแววตาของลูกที่มันดูมีความสุขเวลาได้ไปเรียน

ตอนนี้ลูกเรียนมาได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้วค่ะ ก็ดูเค้าแฮปปี้ดี เริ่มมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลุดออกมาบ้างเวลาเล่นคนเดียว หรือบางทีก็ร้องเพลงภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่เรียนมาให้ฟัง มันอาจจะไม่ได้เห็นผลแบบก้าวกระโดดว่าลูกจะพูดไฟแล่บได้เลยทันที แต่ฉันว่าการเริ่มต้นที่ดี ให้เขารู้สึกรักภาษา ไม่กลัวที่จะเรียนรู้ น่าจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญกว่า

ก็หวังว่าประสบการณ์ของฉันน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ที่กำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษให้ลูกอยู่นะคะ สิ่งสำคัญคืออย่าเพิ่งเชื่อรีวิวทั้งหมด ลองพาลูกไปสัมผัสบรรยากาศจริง พูดคุยกับคุณครู แล้วสังเกตความรู้สึกของลูกเราเองดีที่สุดค่ะ เพราะเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเนอะ สู้ๆ ค่ะ!